เผยแพร่ |
---|
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้าโครงการสาธิตการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ได้เปิดเผยถึงแ นวคิดการนำพืชใบกระท่อมออกจากรายการบัญชียาเสพติด ว่าจริงๆแล้วพืชกระท่อมอยู่กับประเทศไทยมานานมาก และในบทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนจะมีกระท่อมเป็นยุทธปัจจัยคือใช้เป็นวัฒนธรรมานาน และเมื่อไม่นานมานี้ในพื้นที่ยังมีการปลูกกระท่อมอยู่อย่างในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เล่าให้ฟังว่าในสมัยปู่ย่าตายายก็ใช้กันมาตั้งนานแล้ว ใบอ่อนกินเป็นผัก เวลาไม่มีเรี่ยวมีแรงก็เอาใบกระท่อมที่พกอยู่มาเคี้ยวกิน นอกจากนั้นยังเลิกง่ายกว่าหมากพลู บุหรี่ เหล้า
การแบ่งกระท่อมเป็นยาเสพติดประเภท 5 ไม่ได้แบ่งตามธรรมชาติของพืชชนิดนั้นๆ ทำให้การเข้าถึง หรือ การนำมาใช้ประโยชน์ค่อนข้างยาก จึงคิดว่าถึงเวลาที่ทุกฝ่ายควรนำกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางสมุนไพร-การแพทย์แผนไทย ในทางพื้นบ้านกระท่อม ใช้เป็นยาแก้ปวด บำรุงกำลัง ยาลดเบาหวาน ทำให้ง่วงก็ได้ ตื่นก็ได้ เรื่องยาบำรุงกำลังชายก็ได้ เป็นสิ่งที่มีอยู่เป็นวัฒนธรรม นอกจากนั้นยังมีข้อมูลเรื่องการลดเบาหวาน
“มียาหลายอย่างที่เราต้องนำเข้า กระท่อม จะมีบทบาทที่จะนำมาใช้เป็นยา กระท่อม ควรพัฒนากฏหมายยกมาเป็นสมุนไพรควบคุม ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย 2542 ก็จะทำให้มีการแจ้งว่า ใครจะขออนุญาตปลูก ครอบครอง ไม่เกินเท่าไร มีพระราชบัญญัติอยู่ หรือ แก้กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อจะให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ผ่านการแพทย์แผนไทย
ผ่านโรงพยาบาลของรัฐนำกระท่อมมาใช้ เป็นยาแผนไทย ยาแผนโบราณได้ หรือ การปรับให้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ก็มียาหลายตัวที่อยู่ในยาประเภทนี้ ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้แต่ต้องมีการควบคุม การนำกระท่อมมาใช้ประโยชน์คิดว่ามีความจำเป็นของประเทศ เพราะก่อนวัฒนธรรมการใช้จะถูกลืมโดยสิ้นเชิง ร่องรอยของการใช้ประโยชน์จะนำไปสู่การวิจัยพัฒนา ปัจจุบัน อังกฤษ ญี่ปุ่น มีการพัฒนาสารออกฤทธิ์จากกระท่อม อาจมีการต่อโครงสร้างนิดหน่อย จดสิทธิบัตรเป็นยาแก้ปวด”
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวต่อว่า กระท่อมมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นยา ซึ่งอาจเริ่มต้นจากยาตำรับดั้งเดิม ยาที่ใช้ในโรงพยาบาล เป็นยาในขั้นต่อไป เป็นเรื่องที่สังคมไทยควนช่วยหาทางออก ในการที่จะนำพืชโลกนี้คนใช้กระท่อมเก่ง มีข้อมูลการใช้มากที่สุดคือคนไทย ทำอย่างไร ใช้ภูมิปัญญาไทย ในอนาคตอาจใช้แทนกาแฟก็ได้ แต่คาเฟอีนเป็นโครงสร้างที่ใกล้เคียงกัน หรือว่าในเครื่องดื่มทั่วไปที่มีส่วนผสมใบโคคา กลายเป็นเครื่องดื่มน้ำดำที่ทั่วโลกรู้จัก
เพราะฉะนั้นกระท่อมเองในอนาคตอาจมีเครื่องดื่มกระท่อม ดื่มในปริมาณที่เหมาะสม เป็นยาเป็นเครื่องดื่มที่เราขาดโอกาสพัฒนา กระท่อมควรพิจารณาประเภทใหม่ว่าเขาควรอยู่ในสถานนะไหน ใช้ประโยชน์อย่างไร เป็นยา เป็นเครื่องดื่ม เป็นผักได้ สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในสังคมไทย ต้องไม่ไล่ล่าฆ่าฟัน บริหาร-จัดการ-พัฒนาให้มีความรู้ ไม่สูญจากสังคมไทย ขณะประเทศเพื่อนบ้านยังมีอยู่