ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 12 กันยายน นายสุรชัย อักษรวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการ รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์(สบอ.) ที่ 5(นครศรีธรรมราช) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหัวหน้าอุทยานฯ อ่าวพังงา อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี และอุทยานฯ สิมิลัน ตามคำสั่งของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เรื่อง การคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่อุทยานทางทะเล ที่ได้เก็บเงินค่าขึ้นอุทยานแห่งชาติวันละไม่ต่ำกว่า 300,000 – 500,000 บาท แต่ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น เช่น ที่จอดเรือ ทำให้เรือต้องทิ้งสมอโดนปะการังเสียหาย ไม่เคยเก็บขยะทำความสะอาด เงินที่เก็บเอาไปไหนหมดและพนักงานเก็บตั๋วมีเงินฝากเป็นล้าน สรุปคือเก็บเงินแล้วไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย ทั้งนี้ สบอ.5 ได้พิจารณาเห็นแล้วว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บค่าบริการให้ความสะดวกต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติ การพิจารณาใช้เงินรายได้เพื่อทำนุบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติและการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้จัดเก็บเงินค่าบริการในอุทยานฯ อ่าวพังงา อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี และอุทยานฯ สิมิลัน ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงจึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย 1.นายพงษ์พยัคฆ์ ศรียา เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส เป็นประธาน 2.นายมงคล ลิ่ววิริยะกุล เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน กรรมการ และ 3.นายอิทธิพล อยู่ไพบูลย์ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน กรรมการและเลขานุการ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้ความว่า การจัดเก็บค่าบริการให้ความสะดวกต่างๆ ในอุทยานฯ เป็นไปโดยถูกต้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการและระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่ อุทยานฯ มีมาตรการควบคุม ตวจสอบเจ้าหน้าที่ผู้จัดเก็บค่าบริการหรือไม่ อย่างไร การพิจารณาใช้เงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานฯ ในกรณีที่จอดเรือ ทุ่นผูกเรือ มีเพียงพอหรือไม่ การเก็บขยะทำความสะอาดในบริเวณแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบดูแลทั่วถึงหรือไม่ โดยให้ถือปฎิบัติตามนัยหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษและแจ้งเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย
นายจิระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการ สบอ.5(นครศรีธรรมราช) กล่าวว่า มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบจริง เพราะมีร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยว
ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่อง เพราะไม่ได้เซ็นคำสั่งเอง แต่อย่างไรก็ตามจะขอตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนนายพงษ์พยัคฆ์ ในฐานะประธานสอบข้อเท็จจริง กล่าวว่า ได้รับหนังสือให้เป็นประธานสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยให้สอบหัวหน้าอุทยานฯ ทั้ง 3 แห่งในเรื่องการจัดเก็บเงินรายได้ของทั้ง 3 อุทยานฯ รู้สึกหนักใจมาก ไม่อยากสอบ ถือเป็นงานใหญ่ เพราะทั้ง 3 อุทยานฯ มีรายได้รวมกันมากกว่าพันล้านบาทแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากข้าราชการในกรมอุทยานฯ ค่อนข้างมาก เนื่องจากทั้ง 3 อุทยานฯ ที่ถูกสอบเรื่องการจัดเก็บเงินรายได้นั้น มีรายได้รวมกันมากกว่า 1 พันล้านบาท กล่าวคือ อุทยานฯ หาดนพรัตน์ฯ 502,780,516 บาท อุทยานฯ อ่าวพังงา 336,601,100 บาท อุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน 185,937,416.81 บาท ซึ่งมากที่สุดตั้งแต่มีการจัดเก็บมา นอกจากนี้อุทยานฯ หมู่เกาะอ่าวพังงา อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี ยังมีนายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทะเล เป็นที่ปรึกษาโอกาสที่จะรั่วไหลค่อนข้างยากรวมทั้งในช่วงที่ผ่านมา พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทส. กับ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ลงพื้นที่ไปตรวจราชการใน 3 อุทยานฯ โดยเฉพาะอุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี ค่อนข้างบ่อย