คมนาคม เล็งสร้างรถไฟฟ้าสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี 21.5 กม. ใช้ตอม่อร้างถ.เกษตร-นวมินทร์

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นการศึกษาความเหมาะสม โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่า เมื่อปี 2558 คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มีมติให้
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาความเป็นไปได้โครงการดังกล่าว เพื่อใช้เสาตอม่อของโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือกลางถนนประเสริฐมนูกิจ (ถนนเกษตร-นวมินทร์) ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้งานให้เป็นประโยชน์

เบื้องต้นสนข. ศึกษาการใช้ประโยชน์จากเสาตอม่อ ไว้ 4 ทางเลือก จำนวน 4 รูปแบบ รูปแบบที่ 1 พัฒนาระบบรถไฟฟ้าอย่างเดียว ระยะทางประมาณ 21.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากแยกแคราย ไปตามแนวถนนงามวงศ์วาน ผ่านแยกเกษตรศาสตร์ไปตามถนนประเสริฐมนูกิจ ถนนนวมินทร์ และไปสิ้นสุดบริเวณถนนรามคำแหง

รูปแบบที่ 2 พัฒนาระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 และวงแหวนตะวันออก-ตะวันตก (E-W Corridor) ซึ่งเป็นระบบทางด่วนเพียงอย่างเดียว โดยมีจุดเริ่มต้นบริเวณสี่แยกเกษตรศาสตร์ ไปตามเกาะกลางของถนนประเสริฐมนูกิจจนถึงถนนนวมินทร์ แล้วแนวเส้นทางจะซ้อนทับกับทางหลวงหมายเลข 351 ไปบรรจบกับถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก รวมระยะทางประมาณ 11.9 กิโลเมตร

รูปแบบที่ 3 พัฒนาระบบทางด่วน ตอนที่ N2 และ E-W Corridor เป็นการพัฒนาด้วยระบบทางด่วนอย่างเดียว โดยมีเส้นทางและรูปแบบเช่นเดียวกับทางเลือกที่ 2 โดยเพิ่มโครงข่ายทดแทน N2 เพื่อเชื่อมระหว่างวงแหวนตะวันออก-ตะวันตก N2 และ E-W Corridor

รูปแบบที่ 4 พัฒนาระบบรถไฟฟ้าและทางด่วนควบคู่กับไป โดยแบ่งใช้ตอม่อ โดยรวมทางเลือกการสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลระยะทาง 22 กิโลเมตรและทางด่วนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า ามองว่าแต่รูปแบบที่ 4 มีความเป็นไปได้สูงสุด เพราะเกิดความคุ้มค่าและเป็นประโยชน์สูงสุด เนื่องจากมีการพัฒนาทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลไปพร้อมกัน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาที่ครบคลุมทั้งแก้ปัญหาการจราจรจากการใช้ทางด่วนและส่งเสริมให้คนมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้นจากการสสร้างระบบรถไฟฟ้า

โดยรูปแบบที่ 4 จะมีการก่อสร้างรถไฟสายสีน้ำตาล ระยะทางประมาณ 21.5 กิโลเมตร จำนวน เริ่มต้นจากแยกแคราย เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ไปตามแนวถนนงามวงศ์วาน เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) บริเวณสถานีบางเขน ผ่านแยกเกษตร เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-คูคต) บริเวณสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปตามแนวถนนประเสริฐมนูกิจ ถนนนวมินทร์ และไปสิ้นสุดบริเวณถนนรามคำแหง เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี) บริเวณแยกลำสาลี ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะสามารถเชื่อมต่อการเดินทางไปยังรถไฟฟ้าจำนวนรวม 6 เส้นทาง

ส่วนการก่อสร้างทางด่วนนั้น จะก่อสร้างทางด่วน N2 ไปเชื่อมต่อทางด้านตะวันตกกับทางด่วนศรีรัชและโทลล์เวย์ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับแผนของกระทรวงคมนาคมขณะนี้ที่เตรียมจะสร้างทางเชื่อมต่อระหว่างพิเศษศรีรีชกับโทลล์เวย์ ซึ่งจะทำให้เครือข่ายทางด่วนของกรุงเทพฯ สมบูรณ์

นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่ สำหรับรูปแบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล คาดว่าจะเป็นรถไฟฟ้ารางเบา (Light Rail) ซึ่งปัจจุบันมี 2 ประเภท คือ ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Mono Rail) และระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติ AGT (automatic guided Transit) ซึ่งต้องศึกษาว่าระบบใดเหมาะสม โดยระบบโมโนเรลมีข้อเสียตรงที่เป็นระบบคร่อมรางซึ่งไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างได้ ถ้าในอนาคตต้องการเปลี่ยนแปลงระบบ แต่ส่ามารถขนส่งผู้โดยสารได้ครั้งละมาก ในขณะที่ระบบ AGT เป็นโครงสร้างทางวิ่งทั่วไปและสามารถปรับเปลี่ยนระบบได้ในอนาคต และยังมีความถี่ในการวิ่งให้บริการได้มากกว่าโมโนเรล เพราะเป็นรถขนาดเล็กและขบวนสั้น โดยหลายประเทศทั่วโลกก็นิยมใช้ AGT เช่น อเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น

“สนข. วิเคราะห์เบื้องต้น เห็นว่าแบบที่ 4 มีความเป็นไปมากที่สุด แต่จะต้องรอผลการศึกษาเป็นทางการก่อน คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมิ.ย. 2561 ซึ่งจะมีรายละเอียดทั้งเรื่องรูปแบบก่อสร้าง การลงทุนและงบลงทุนของโครงการ โดยหากการศึกษาสรุปเป็นแนวทางที่ 4 ที่จะต้องมีการสร้างรถไฟฟ้าที่น้ำตาลด้วยแล้ว สนข.จะโอนให้ รฟม. เป็นผู้ดำเนินการศึกษาแนวทางให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ต่อไป คาดว่าจะใช้เวลา 6 เดือน จากนั้นก็จัดหาเอกชนมาลงทุนอีก 9 เดือนและคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ปี 2562 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปีและเปิดให้บริการได้ในปี 2565” นายชัยวัฒน์ กล่าว