ที่มา | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
นายดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง บริษัท ชาญอิสสระ จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท สหกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเร่งงานก่อสร้างในส่วนของโรงแรมบาบา บีชคลับ ชะอำ-หัวหิน ซึ่งอยู่ภายใต้พื้นที่เดียวกับโครงการทิวทะเลเอสเตท บนที่ดิน 110 ไร่ ติดชายหาดชะอำ-หัวหิน ซึ่งเป็นห้องพักแบบพูลสวีท รวม 18 ห้อง ระดับราคา 12,000-22,000 บาท/ห้อง/คืน โดยเตรียมจะเปิดให้บริการในเดือนต.ค.ปีนี้
ถือเป็นการทดลองตลาดโรงแรมในชะอำ-หัวหิน รวมถึงเตรียมความพร้อมของทีมบริหารจากโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนที่บริษัทจะมีการขยายลงทุนสร้างโรงแรมสูง 11 ชั้น ขนาด 60 ห้อง ในพื้นเดียวกันต่อไปหลังจากนี้
อย่างไรก็ดี โรงแรมบาบา บีช ชะอำ-หัวหิน ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทิวทะเล เอสเตท ซึ่งมีพื้นที่โครงการรวม 110 ไร่ ติดชายทะเลและถนนเพชรเกษม ภายใต้แผนการพัฒนาที่ดินในรูปแบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมพักอาศัย ซึ่งบริษัท เริ่มเปิดการขายตั้งแต่ปลายปี 2558 ถึงขณะนี้รวมแล้ว 3 โครงการ ประกอบด้วยบ้านทิวทะเล เฟส 1 – อควา มารีน คอนโด 4 ชั้น 4 อาคาร และ 15 ชั้น 1 อาคาร เป็นห้องพักแบบ 1-3 ห้องนอน พื้นที่ขนาด 44-193 ตร.ม. รวม 270 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.9-40 ล้านบาท โดยมีมูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 95%
โครงการบ้านทิวทะเล เฟส 2 – บลูแซฟไฟร์ เป็นคอนโดสูง 4 ชั้น 2 อาคาร และ15 ชั้น 1 อาคาร ห้องพักแบบ 1-3 ห้องนอน ขนาด 36-159 ตร.ม. รวม 421 ยูนิต ราคาตั้งแต่ 2.9-21 ล้านบาท มูลค่ารวม 1.9 พันล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 70%
และโครงการบลู คอนโด สูง 21 ชั้น ซึ่งราคาย่อมเยาสุดเริ่มที่ 1.89 ล้านบาท เป็นห้องพักพร้อมตกแต่ง ตู้ เตียง แบบ 1-2 ห้องนอน ขนาด 30-60 ตร.ม. รวม 491 ยูนิต มูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 45% รวมถึงยังมีโครงการบาบาบีช คลับ เรสซิเดนซ์ เป็นพูลวิลล่า 3-5 ห้องนอน สไตล์นีโอ โคโลเนียล ออกแบบโดย บริษัท ฮาบิต้า จำกัด จำนวน 11 ยูนิต ราคาเริ่มที่ 43.3-83 ล้านบาท ซึ่งขายพร้อมโปรแกรมการบริหารห้องพักในรูปแบบโรงแรม 5 ดาว ล่าสุดมียอดขายแล้ว 5 ยูนิต
อย่างไรก็ดี แนวทางการพัฒนาที่ดินของบริษัทจากนี้ไปจะเน้นโครงการผสมผสาน ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการได้ โดยเฉพาะโครงการทิวทะเลเอสเตท ปัจจุบันยังเหลือที่ดินรอการพัฒนาอีกกว่า 50% โดยเฉพาะที่ดินติดถนนเพชรเกษม 20 ไร่ บริษัทพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์
ล่าสุดกำลังพิจารณาเป็นปั๊มน้ำมันที่สวยที่สุดในเอเชีย เป็นจุดแวะพักรถ เพื่อดักคนเข้ามาใช้บริการ โดยจะเลือกร้านอาหารดีๆ มาเปิดให้บริการ ทั้งนี้โรงแรมในชะอำ-หัวหิน มีอัตราลูกค้าเข้าพักค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับพัทยา เนื่องจากทั้งคุณภาพชายหาด ชีวิต และการอยู่อาศัยยังดี และปีที่ผ่านมาไม่มีโรงแรมขึ้นมากเท่าที่ควร ทำให้อัตราการเข้าพักโรงแรมของลูกค้าในช่วงจันทร์-ศุกร์ เฉลี่ย 50% ช่วงเสาร์-อาทิตย์ 80-90%
“คอนโดฯ ทั้ง 3 โครงการ ก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% พร้อมเข้าอยู่ เหมาะกับการพักผ่อนและการลงทุน เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวหัวหินมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพตลาดคอนโด ชะอำ-หัวหิน เป็นตลาดที่รองรับกลุ่มเป้าหมายทุกเซ็กเม้นต์ แต่ถือว่าเป็นตลาดที่มีความมั่นคง มีผู้ซื้อเรื่อยๆ ที่สำคัญ คนที่ซื้อแล้วก็ซื้ออีก ซื้อเก็บไว้ เป็นการลงทุนระยะยาว โดยราคาเฉลี่ยคอนโดหน้าหาดของทิวทะเลอยู่ที่ 1.5-1.6 แสนบาท/ตร.ม. แต่ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ อยู่ที่ 8-9 หมื่นบาท/ตร.ม. ซึ่งตลาดรวมคอนโดไม่ติดทะเลในย่านนี้เมื่อช่วง 3-4 ปีที่แล้ว เปิดขายจำนวนมาก ปัจจุบันยังมีสต๊อกเหลือขายอยู่บ้าง แต่ในระยะ 1-2 ปีหลัง มีโครงการเปิดตัวน้อยลง ส่วนโครงการบลูของเราแม้ไม่ติดทะเล แต่ทำภาระจำยอมโดยลูกบ้านสามารถเดินลงทะเลได้ ทำให้ตลาดยังไปได้เรื่อยๆ”