“ปราด้า” ทุ่มอีคอมเมิร์ซ พลิกกลยุทธ์รับมือรายได้วูบทั่วโลก

ตัวเลขยอดขายของบรรดาแบรนด์หรูเผชิญหลายปัจจัยรุมเร้า อย่างตลาดจีนได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจและค่าเงินผันผวนส่งผลให้นักท่องเที่ยวชะลอจับจ่ายลง รวมถึงการก่อการร้ายในยุโรปยิ่งฉุดรายได้ของแบรนด์เหล่านี้ให้ลดน้อยลงไปอีก ทำให้แบรนด์แฟชั่นหรูสัญชาติอิตาลีอย่าง “ปราด้า” ต้องออกมาประกาศปรับกลยุทธ์เพื่อรับมืออย่างเร่งด่วน

โดยสำนักข่าว “อินไซต์รีเทล” รายงานว่า “ปราด้า” เตรียมปรับกลยุทธ์การทำตลาดในภูมิภาคเอเชีย หลังรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกในตลาดนี้ลดลงถึง 18% เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจตกสะเก็ดกระทบต่อเนื่องไปยังยอดขายของร้านสาขาในฮ่องกงและมาเก๊า ขณะที่การแข็งค่าของเงินเยน ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการใช้จ่าย มีผลให้ยอดขายของสาขาญี่ปุ่นลดลง 9% ตามไปด้วย

ส่วนในยุโรปเองก็ได้รับผลกระทบจากเหตุก่อการร้ายต่อเนื่องทำให้ยอดขายโดยรวมทั่วโลกลดลง 13% หรือปิดยอดขายที่ 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีรายได้ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าในจีนแผ่นดินใหญ่จะเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวบ้างในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ส่งผลบวกต่อภาพรวมธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญนัก เพื่อหาทางพลิกวิกฤตนี้

“พาทริซิโอ เบอร์เทลลิ”
ซีอีโอของปราด้า กล่าวว่า นับจากนี้บริษัทจะมุ่งเน้นทำตลาดอีคอมเมิร์ซอย่างจริงจัง หลังล่าช้ากว่าคู่แข่งมานานโดยจะเริ่มจากการเปิดตัวช่องทางอีคอมเมิร์ซในจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นก่อนจะขยายให้ครอบคลุมทั่วโลกต่อไปภายใน 12 เดือนนับจากนี้ ตามเป้าที่จะเพิ่มรายได้จากอีคอมเมิร์ซเป็น 2 เท่าทุกปีต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี

พร้อมกันนี้จะเพิ่มไลน์อัพสินค้าในอีคอมเมิร์ซให้หลากหลายขึ้น ทั้งกระเป๋า รองเท้า ฯลฯ เพื่อตอบรับดีมานด์ที่แตกต่างกันในแต่ละตลาด รวมถึงหาพาร์ตเนอร์เพิ่มเติม หลังรายได้จากพาร์ตเนอร์ในอีคอมเมิร์ซ และการขายลิขสิทธ์เพื่อผลิตสินค้าอื่นๆ อย่าง น้ำหอม หรือแว่นตา มีการเติบโตสวนทางช่องทางค้าปลีก นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายกลุ่มเป้าหมายของกิจกรรมบนโซเชียลมีเดียให้กว้างขึ้น

ด้านช่องทางออฟไลน์ บริษัทได้เริ่มทยอยเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ของร้านค้าใหม่ในจีนและรัสเซีย เน้นประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบเอ็กซ์คลูซีฟมากขึ้น เพื่อจูงใจนักช็อประดับไฮเอนด์

ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องความเห็นของนักวิเคราะห์ เช่น “จอห์น กาย” จากธนาคารเมนเฟิร์ส เอจี กล่าวว่า ปีนี้ตลาดค้าปลีกมีปัญหามาก ดังนั้นทางออกของปราด้าจะขึ้นอยู่กับการหาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อพร้อมใช้จ่ายกับดีไซน์และคุณภาพสินค้าของแบรนด์

“ฝ่ายบริหารเชื่อมั่นว่าช่วงที่เหลือของปี2559นี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของบริษัทด้วยเริ่มกลับมามีการเติบโตอีกครั้ง โดยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซึ่งนอกจากขายสินค้าแล้วยังช่วยให้บริษัทรับรู้และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็วขึ้นเช่นเดียวกับตลาดจีนซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวจะเป็นตัวแปรสำคัญในความสำเร็จนี้”