“ดีแทค” ดึงกูรูสตาร์ตอัพชื่อดัง บรรยายเทคนิคโตก้าวกระโดดในเวลาอันสั้น

นายบียอร์น ลี ผู้อยู่เบื้องหลังและมีประสบการณ์ในการทำงานกับบริษัทสตาร์ตระดับเอเชีย ในฐานะหนึ่งในเทรนเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Growth Hacking จากโครงการ ดีแทค เอคเซอเลอเลท batch 5 เปิดเผยในการบรรยายเรื่อง “Growth Hacking หมัดเด็ด!! การตลาดยุคไทยแลนด์ 4.0” จัดโดยบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือดีแทคว่า ในวงการสตาร์ตอัพขณะนี้ ได้มีการพูดถึง และกำลังเป็นที่นิยมในการใช้เทคนิคที่เรียกว่า “Growth Hacking” คือการใช้เทคนิค และเทคโนโลยีมาช่วย เพื่อให้ได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นในระยะเวลาและงบประมาณที่จำกัด หรือวิธีมัดใจฐานลูกค้าจนเพิ่มจากศูนย์เป็นแสนคนในเวลาอันสั้น

นายบียอร์น กล่าวว่า จากประสบการณ์ส่วนตัวสามารถจำแนกเทคนิค Growth Hacking ได้ 10 ข้อดังนี้
1.การใช้แพลตฟอร์มทางการตลาดที่ถูกต้อง เช่น สินค้าหรือบริการแบบออนไลน์ต้องอยู่บนช่องทางที่ใช้ง่ายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว
2.การใช้สื่อโฆษณาที่สร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าและบริการ หรือการให้คนดังพูดถึงสินค้าและบริการนั้นๆ 3.การสร้างจุดเด่นของสินค้าและบริการในระยะเวลาอันสั้น ผ่านการใช้คลิปบน ยูทูบ หรือ เฟซบุ๊ก ที่สั้น กระชับ และตรงประเด็น
4.การเรียนรู้กลยุทธ์ทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์จากคู่แข่ง เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคต 5.การจัดหาจัดจ้างฟรีแลนซ์ที่มีประสบการณ์มาช่วยในการทำงานและไว้ใจได้ เพื่อช่วยสร้างกำไรและธุรกิจในอนาคต

6.ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารที่ง่าย ฉับไว เพื่อให้สื่อมวลชนที่จะส่งสารต่อไปยังผู้บริโภคเข้าใจได้ง่าย
7.การระบุสาระสำคัญไว้บนหัวเรื่องของอีเมล์ เพื่อสร้างจุดเด่นที่เข้าใจง่าย ชัดเจน และทำให้ลูกค้าสนใจเปิดเข้าไปอ่านเนื้อหาเพิ่มเติม
8.การสร้างชุมชนเล็กๆ เพื่อให้คนอื่นๆที่อยากเข้ามาได้เห็นว่ายังมีคนอื่นๆ ที่ใช้อยู่ โดยอาจจะเริ่มจาก ครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จักเข้ามาคอมเมนต์ โพสต์ หรือ แชร์เรื่องราวต่างๆ บนโลกออนไลน์ เพื่อให้คนหมู่มากได้เห็นในอนาคตเพิ่มขึ้น
9.การเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ เพื่อที่แบรนด์จะได้เข้าใจและรับรู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร
และ10.การใช้เงินเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เปรียบเทียบกับความคุ้มในระยะยาวของบริษัท

“ที่สุดแล้วแทคนิคจากทั้ง 10 ข้อ ไม่ใช่ว่าทุกคนเอาไปใช้แล้วจะการันตีผลสำเร็จ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยร่วมงานกับสตาร์ทอัพมา บางบริษัททำแค่ไม่กี่ข้อก็ประสบความสำเร็จแล้ว บางแห่งก็อาจนำไปใช้ตรงๆ ไม่ได้ จึงขอให้นำมาพิจารณาดูว่าเทคนิคใดเหมาะกับตนเองมากที่สุด”

นายบียอร์น กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย ส่วนตัวมองว่าปัจจุบันกระแสการทำธุรกิจสตาร์ตอัพนั้นเติบโตขึ้นมาก สตาร์ตอัพไทยในยุคนี้มีความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์ในการสร้างสิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์คนในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี แต่หลายครั้งที่สตาร์ตอัพไทยมักจะพลาดท่า มองแต่ตลาดและความต้องการของคนภายในประเทศ จนลืมที่จะมองหาโอกาสที่กว้างขึ้นในอนาคต ทำให้ธุรกิจของตัวเองไม่สามารถจะต่อยอดหรือขยายไปยังต่างประเทศได้ จึงอยากให้คำนึงถึงจุดดังกล่าวตั้งแต่แรก

Facebook

Twitter