ไต้หวันผุดนวัตกรรม “เส้นใยผสมคอลลาเจนสกัดจากเกล็ดปลาทะเล” บุกตลาดเสื้อผ้าเพื่อสุขภาพผิว ตั้งเป้าโกยรายได้ปีนี้ 1,000 ล้านบาท

 

บริษัท จีอีพี สปินนิ่ง จำกัด เปิดตัว “ฟิลาเจน” (FILAGEN) แบรนด์เส้นใยผสมคอลลาเจน อีกหนึ่งก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มยุค 4.0 ของประเทศไทย จากการใช้นวัตกรรมสกัดคอลลาเจนจากเกล็ดปลาทะเลทำให้เส้นใยฟิลาเจนมีคุณสมบัติพิเศษ 4 ประการ ได้แก่ รักษาความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ กำจัดและปกป้องกลิ่นกาย ป้องกันรังสียูวี สูงสุดถึง SPF50 และให้อุณหภูมิผิวสัมผัสที่เย็น โดยล่าสุด “ฟิลาเจน” ได้จับมือแบรนด์ชั้นนำ อาทิ อินไนน์ บาย วาโก้ พาซาญ่า แกรนด์สปอร์ต ผลิตสินค้า อาทิ ชุดชั้นใน เสื้อกีฬา ชุดเครื่องนอน ซึ่งทางฟิลาเจน ได้ตั้งกลุ่มเป้าหมายเป็นแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าระดับพรีเมี่ยมสำหรับกลุ่มรักสุขภาพและความงาม โดยตั้งเป้ารายได้ของปี 2560 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 70 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มสิ่งทอและเส้นใยที่มีคุณสมบัติพิเศษประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ และปัจจุบันมีพันธมิตรทางธุรกิจแล้วกว่า 50 ราย และคาดว่าในอนาคต จะมีพันธมิตรไม่ต่ำกว่า 100 ราย

นายเซิ่น จุ้น ซิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีอีพี สปิ่นนิ่ง จำกัด กล่าวว่า จากการเล็งเห็นถึงแนวโน้มกระแสโลก และพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและความงาม ทำให้จีอีพี สปินนิ่ง และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านนาโนเทคโนโลยีจากประเทศไต้หวัน คิดค้น วิจัยและพัฒนาเส้นใยฟิลาเจน นวัตกรรมเส้นใยผสมคอลลาเจนโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการใส่คอลลาเจนที่สกัดจากเกล็ดปลาทะเลเข้าไปในเส้นใยวิสโคสเรยอน ทำให้เส้นใยฟิลาเจนมีคุณสมบัติพิเศษ 4 ประการ ได้แก่ 1) รักษาความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ 2) กำจัดและปกป้องกลิ่นกาย 3) ป้องกันรังสียูวี สูงสุดถึง SPF50 และ 4) ให้อุณหภูมิผิวสัมผัสที่เย็นพอเหมาะ นอกจากนี้คุณสมบัติของคอลลาเจนจะคงทน ปริมาณของคอลลาเจนจะไม่ลดปริมาณลงแม้จะผ่านการซักล้าง ตลอดจนเส้นใยฟิลาเจนยังผลิตมาจากวัสดุธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สามารถย่อยสลายเองได้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายเซิ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการค้นพบนวัตกรรมดังกล่าว ทำให้เกิดเป็นช่องทางในการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมาย โดยสามารถนำเส้นใยฟิลาเจนมาผสม และถักทอร่วมกับผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ผ้าไหม ขนแกะ และผ้าเส้นใยสังเคราะห์อีกหลายชนิด เพื่อสร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้า ชุดชั้นใน เสื้อกีฬา ชุดเครื่องนอน และชุดประดับตกแต่งต่างๆ อีกหลากหลายประเภท ที่มีคุณสมบัติที่โดดเด่นของเส้นใยฟิลาเจน เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป

โดยในเบื้องต้นเส้นใยฟิลาเจนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากอุตสาหกรรมผู้ผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มชั้นนำหลากหลายแบรนด์ ซึ่งทางฟิลาเจน ได้ตั้งกลุ่มเป้าหมายเป็นแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าระดับพรีเมี่ยมสำหรับกลุ่มรักสุขภาพและความงาม โดยตั้งเป้ารายได้ของปี 2560 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 70 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มสิ่งทอและเส้นใยที่มีคุณสมบัติพิเศษประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ และปัจจุบันมีพันธมิตรทางธุรกิจแล้วกว่า 50 ราย และคาดว่าในอนาคต จะมีพันธมิตรไม่ต่ำกว่า 100 ราย ทั้งนี้

นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมีอัตราการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของทางภาครัฐ ที่ผลักดันเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Value-based Economy) ฉะนั้นแล้ว ผู้ประกอบการในอุตสาห กรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มต้องตื่นตัวในเรื่องการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้น ผ่านการประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพ-ลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการสร้างเครือข่ายในกลุ่มอุตสาหกรรม (Supply Chain) เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมมูลค่าสูงในปัจจุบันให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากตัวเลขมูลค่าการส่งออกสิ่งทอในช่วงต้นปี 2560 (มกราคม – เมษายน) ที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึง 1,373 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ถึง5.65 เปอร์เซ็นต์

นายชเล วุทธานันท์ กรรมการบริหาร บริษัท เท็กซ์ไทล์ แกลลอรี่ จำกัด (PASAYA) กล่าวว่า พาซาญ่า เน้นการศึกษาและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นทุกปี และล่าสุดที่ได้พบกับนวัตกรรมเส้นใยฟิลาเจน ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ประยุกต์ใช้เส้นใยฟิลาเจนเป็นวัตถุดิบในการผลิตชุดเครื่องนอน ซึ่งนับได้ว่าเป็นมิติใหม่แห่งอุตสาหกรรมชุดเครื่องนอน ที่สามารถผลิตชุดเครื่องนอนที่มีคุณสมบัติของคอลลาเจน นุ่มสบาย ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ระบายอากาศได้ดี และป้องกันไรฝุ่น โดยทางพาซาญ่าเชื่อมั่นว่านวัตกรรมดังกล่าวจะช่วยยกระดับคุณภาพการนอนหลับ และการใช้ชีวิตของผู้บริโภคไปอีกขั้นหนึ่ง