ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ในโอกาสที่เทศกาลไหว้พระจันทร์กำลังจะเวียนมาถึงอีกวาระ ในวันที่ 16 กันยายนนี้ ทางเซ็นเตอร์ ออฟ ฟู้ด เซฟตี้(Centre of Food Safety) หรือศูนย์ความปลอดภัยด้านอาหารของฮ่องกงได้มีแถลงการณ์ออกมาเตือนประชาชนว่า ควรรับประทานขนมไหว้พระจันทร์แต่พอประมาณ และพยายามสร้างสมดุลระหว่างการรับประทานกับการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดี
“ประชาชนควรคำนึงถึงข้อจำกัดด้านสุขภาพร่างกายของตัวเอง และรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในปริมาณที่เหมาะสม ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้” ข้อความหนึ่งในแถลงการณ์ของศูนย์ความปลอดภัยด้านอาหารที่ยังแนะนำให้ประชาชนช่วยกัน “แชร์” ส่งต่อให้คนอื่นได้อ่านด้วย
ทั้งนี้ ในรายงานของศูนย์ความปลอดภัยด้านอาหารระบุว่า เนื่องจากขนมไหว้พระจันทร์อุดมไปด้วยแป้งและน้ำตาล และจากการตรวจสอบของศูนย์พบว่า ขนมไหว้พระจันทร์ไส้เม็ดบัว ไข่คู่ ขนาด 100 กรัม มีปริมาณน้ำตาลอยู่เกือบ 1 ใน 3 และประกอบด้วยไขมันราว 22.3 กรัม
ขณะที่บนฉลากกำกับสารประกอบในอาหารของขนมไหว้พระจันทร์เจ้าดังแห่งหนึ่งในฮ่องกง ซึ่งเป็นไส้ไข่คู่ หนัก 184 กรัม ระบุว่าให้พลังงานถึง 776 แคลอรี ซึ่งเทียบแล้วเกือบจะเท่ากับครึ่งของปริมาณแคลอรีที่แนะนำให้ผู้หญิงในฮ่องกงรับประทานในแต่ละวัน และเป็นปริมาณแคลอรีถึง 1 ใน 3 ที่แนะนำให้ผู้ชายรับประทานในแต่ละวัน
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงทางการจะมีคำประกาศเตือนออกมา แต่ อีเลน สาวฮ่องกงวัย 32, ก็คิดว่า ชาวฮ่องกงคงจะเอ็นจอยกับการรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ตามใจปาก เนื่องจากปีหนึ่งจะมีสักครั้ง
“นี่คือขนมที่เป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลไหว้พระจันทร์ ชาวบ้านก็คงจะรับประทานตามใจปาก”
แต่ เอ็ดการ์ เด็กชายวัย 11 ขวบบอกว่า เขาจะพยายามลดการรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ให้น้อยลง
“จากปกติ ผมจะกินขนมไหว้พระจันทร์ปีละ 4-5 ชิ้น แต่ปีนี้ผมจะลดให้เหลือ 1-2 ชิ้น”
ทั้งนี้ เทศกาลไหว้พระจันทร์นับเป็นเทศกาลใหญ่อันดับ 2 ในฮ่องกง รองจากเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ โดยมีตำนานที่มาจากเรื่องของเทพธิดาฉางเอ๋อที่สถิตอยู่ในปราสาทแก้ว และจะออกมาปรากฏตัวร่ายรำบนเงาของดวงจันทร์
ขณะที่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายมากอีกเรื่องก็คือ ขนมไหว้พระจันทร์มีที่มาจากเป็นขนมที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการส่ง “สารลับ” ในหมู่นักปฏิวัติชาวจีนที่วางแผนลบล้างการรุกรานของชาวมองโกลในศตวรรษที่ 14