ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
นายสิทธิพร จริยพงศ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการใช้แรงงานต้างด้าวในภาคการเกษตรมีกว่า 80% และส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อรัฐบาลเร่งใช้ พ.ร.ก.บริหารจัดการแรงงานต่างด้าว จึงส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรและกลุ่มอุตสาหกรรม(เอสเอ็มอี) ดังนั้นเมื่อรัฐบาลขยายเวลาอีก 180 วัน จึงเป็นโอกาสที่นายจ้างและแรงงานจะขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง เมื่อพ้นระยะนี้ทางภาคการเกษตรพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐในการตรวจสอบแรงงานต่างด้าวที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การขึ้นทะเบียนต้องดำเนินการตลอดเวลา 180 วันทำการ เนื่องจากแรงงานที่ไม่ถูกต้องหรือแรงงานเถื่อนมีกว่า 3 ล้านคน การกำหนดให้ขึ้นทะเบียนเป็นบางช่วงเวลาอย่างที่ผ่านมาจะทำให้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ทัน
ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนใหม่ถือเป็นการเซตซีโร่ทั้งหมด คาดว่าหากนายจ้างและลูกจ้างใส่ใจดำเนินการให้แล้วเสร็จ ทุกอย่างจะไม่มีปัญหา นอกจากนี้ ตามที่สภาเกษตรกรทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขยายเวลา 180 วันการบังคับใช้ พ.ร.บ.การเดินเรือน่านน้ำไทย ฉบับ 17 ที่ส่งผลกระทบกับการเลี้ยงปลาในกระชังนั้น เกษตรกรต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในเวลาที่กำหนดด้วย
นายมงคล สุขเจริญคณา นายกสมาคมประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แรงงานต่างด้าว ปัจจุบันภาคการเกษตรมีแรงงานถูกต้องเพียง 1.5 ล้านคนเท่านั้น ที่เหลือ 3 ล้านคนเป็นแรงงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จำนวนนี้มีทั้งแรงงานที่ไม่สามารถพิสูจน์สัญชาติได้แล้วแต่ทำงานไม่ตรงกับที่ระบุไว้ และไม่มีใบอนุญาตการทำงานในประเทศ ทั้งหมดนี้นายจ้างและแรงงานจะต้องทบทวนตัวเองและขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องภายใน 180 วันที่รัฐบาลขยายระยะเวลาเอาไว้ แต่การพิสูจน์สัญชาติ การขอวีซ่า การขอใบอนุญาตการทำงานต้องดำเนินการในประเทศไทยเท่านั้น ไม่ควรปล่อยให้แรงงานเหล่านี้กลับประเทศเดิม เพราะจะส่งผลให้แรงงานหายทันทีถึง 3 ล้านคน ขณะที่แรงงานเหล่านี้เมื่อกลับบ้านไปแล้วโอกาสที่จะย้อนกลับเพื่อเข้าสู่ภาคการเกษตรของไทยอีกครั้งเป็นไปได้ยาก ขณะที่การเดินทางกลับเพื่อขึ้นทะเบียน ทำข้อตกลงการใช้แรงงานอย่างถูกต้องนั้นจะมีค่าใช้จ่ายถึงรายละ 2 หมื่นบาท สูงกว่าเมื่อเทียบกับการขึ้นทะเบียนในไทยที่มีค่าใช้จ่ายเพียง 3,500-8,000 บาท อีกทั้งใช้ระยะเวลาเพียง 1 วันเท่านั้น โดยนายจ้างมีความพร้อมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
“แรงงานของไทยไม่สนใจจะเข้าสู่ภาคการเกษตร ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ที่สร้างโรงงานมากเกินไป ทำให้แรงงานรุ่นใหม่หันเข้าสู่โรงงานกันหมด เพราะค่าจ้างที่สูงกว่า ทำงานสบาย ดังนั้น ภาคการเกษตรจึงต้องง้อแรงงานต่างด้าว หากปล่อยให้แรงงานเหล่านี้กลับบ้าน ไม่แน่ใจว่าภาคการเกษตรของไทยจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้” นายมงคลกล่าว
นอกจากนี้ จากกฎหมายทางด้านประมงที่เข้มงวดและขาดแรงงาน ส่งผลให้เรือประมงปัจจุบันกว่า 3,000 ลำไม่สามารถออกเรือทำประมงได้นานกว่า 7 เดือนแล้ว มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นประมาณเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท สำหรับการขึ้นทะเบียนผู้เลี้ยงปลาในกระชังตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทยจะกระทบกับการเลี้ยงปลานิลของเกษตรกรกว่า 50,000 ครัวเรือน ซึ่ง 50% เป็นการเลี้ยงปลานิล นอกจากนี้ยังมีความกังวลการพิจารณาของประมงจังหวัดที่บางแห่งกำหนดให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนได้ไม่เกิน 4 กระชังเท่านั้น