ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
แหล่งข่าวจากกรมสรรพากรเปิดเผยว่า เว็บไซต์กรม http://www.rd.go.th/publish/27682.0.html เปิดรับฟัง การรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ…. เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) เป็นการดำเนินการตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ซึ่งเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไป กำหนดให้ร่วมแสดงผ่านคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว ภายในวันที่ 11 กรกฎาคม 2560
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ในกฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ประกอบกิจการโดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และในการประกอบกิจการนั้นมีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ อันเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย ให้ถือว่านิติบุคคลนั้นประกอบกิจการในประเทศไทย และให้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในประเทศไทย เฉพาะที่เกี่ยวกับเงินได้หรือผลกำไรนั้น 1.มีการใช้โดเมนท้องถิ่นของไทย 2.มีการสร้างระบบการชำระเงินเป็นสกุลเงินไทย หรือมีการโอนเงินจากประเทศไทย 3.กรณีอื่นตามที่อธิบดีกำหนด
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้นิติบุคคลตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ประกอบกิจการโดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์และมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้พึงประเมินจากการประกอบกิจการดังกล่าวอันเป็นเงินได้ประเภทค่าโฆษณาออนไลน์ ค่าใช้พื้นที่ในเว็บไซต์ หรือประเภทที่จะได้กำหนดโดยกฎกระทรวง ให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้ที่จ่ายในอัตรา 15% และนำส่งกรมสรรพากร
ทั้งนี้ กำหนดให้ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งขายสินค้าที่ไม่มีรูปร่างหรือให้บริการโดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการที่ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หากมีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการดังกล่าวเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ส่วนในกรณีผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้ขายสินค้าไม่มีรูปร่างหรือให้บริการผ่านทางเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นของผู้อื่น กำหนดให้ผู้เป็นเจ้าของเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นนั้นเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการดังกล่าว โดยต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการ และเมื่อจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว มีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ประกอบการนั้น
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ในกฎหมายกำหนดให้ยกเลิกการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าที่มีการนำเข้าทางไปรษณีย์ที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท โดยก่อนหน้านี้มีการยกเว้นอากร ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันกรมศุลกากรกำหนดให้ ของที่นำเข้าซึ่งแต่ละรายมีราคาไม่เกิน 1,500 บาท ได้รับยกเว้นอากร ตามประเภท 12 ภาค 4 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 ทำให้สินค้าที่นำเข้าทางไปรษณีย์ที่มีราคาไม่เกิน 1,500 บาท ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) ด้วย โดยในปัจจุบันการนำเข้าสินค้าราคาไม่เกิน 1,500 บาท จากต่างประเทศทางไปรษณีย์นั้นเป็นไปอย่างกว้างขวาง ส่งผลต่อความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันของผู้ประกอบการในประเทศที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แม้ว่าจะขายสินค้าที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาทก็ตาม
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สภาพปัญหาและสาเหตุของปัญหาต้องเก็บภาษี มาจากการพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ช่วยให้ผู้ประกอบการที่มีถิ่นที่ตั้งในต่างประเทศสามารถประกอบธุรกิจในอีกประเทศได้อย่างสะดวก โดยผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้การซื้อสินค้าและรับบริการจากผู้ประกอบการต่างประเทศผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันนั้นเป็นไปอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ดี ด้วยข้อกฎหมายปัจจุบัน การจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการต่างประเทศดังกล่าวทำได้อย่างจำกัด อันส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ และก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในภาระภาษีระหว่างผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้เพื่อให้การจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการต่างประเทศที่ได้ขายสินค้าหรือให้บริการกับผู้ซื้อในประเทศไทยผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าสินค้าทางไปรษณีย์ เป็นไปอย่างเหมาะสม ทั่วถึง ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องปรับปรุงประมวลรัษฎากรให้เหมาะสมกับรูปแบบของธุรกิจในปัจจุบัน