เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ บุกตลาดอสังหาฯ ชูวิสัยทัศน์ทายาทรุ่น 2

บริษัท เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ในนาม บริษัท รักษาแลนด์ (สาทร-พระราม3) จำกัด เข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI ในปี 2557 สินทรัพย์รวมประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท  ลักษณะการดำเนินงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบ mixed use แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ที่อยู่อาศัยครบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม คอนโดมิเนี่ยม และ อาคารพาณิชย์   ส่วนที่ 2 คือ ธุรกิจให้พื้นที่เช่า  เช่น  มินิมอลล์,บาร์ซา และตลาด

สำหรับโครงการที่ทำให้ เจ.เอส.พี. เป็นที่รู้จัก มี 3 โครงการ คือ โครงการไมอามี่ คอนโด บางปู ด้านหน้าติดรถไฟฟ้า ด้านหลังติดทะเล วิวดี ทำเลดี ,โครงการ สำเพ็ง 2 อาคารพาณิชย์ ซึ่งมีตลาดน้ำสำเพ็ง2 อยู่ภายในโครงการ เป็นตลาดน้ำไทย – จีนร่วมสมัย เป็นตลาดน้ำไทย จีนที่ใหญ่ที่สุดในย่านฝั่งธนบุรี และโครงการ ทิวลิป สแควร์ เพชรเกษมสาย4 คอนโดมิเนี่ยมสุดหรู สไตล์ยุโรป ใกล้รถไฟฟ้าและมี คอมมูนิตี้มอลล์ภายในโครงการ

คุณธีระชาติ มโนธรรมรักษา รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ หรือ JSP กล่าวว่า เข้ามาบริหารงานที่ JSP ตั้งแต่ตอนเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ อายุราว 21 ปี ศึกษางานในบริษัทมาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 2556  ยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI รับผิดชอบ ดูแลงาน ขาย สร้าง โอน ที่อยู่อาศัยหลายๆ โครงการของบริษัทฯ

สำหรับวิธีการหาความรู้ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คุณธีระชาติ กล่าวว่า มักจะหาข้อมูลทางออนไลน์   ศึกษาไอเดียสื่อโฆษณาทางออนไลน์ โดยเฉพาะสื่อตามกระแสสังคม ครีเอทีฟคนไทยสามารถทำเรื่องซีเรียสให้กลายเป็นสื่อสนุกๆ ได้  หรือวันไหนมีโอกาจะนัดเจอกับเพื่อนในวงการอสังหาฯ แล้วพูดคุยกันในเรื่องงานหรืออุปสรรคต่างๆ โชคดีมากที่ส่วนใหญ่กลุ่มเพื่อนจะเป็นผู้มีประสบการณ์ในวงการมานาน และมีอายุมากกว่าจะช่วยแนะนำเรื่องงานได้มากครับ

“ผมคิดว่าในทุกๆ วันที่ทำงานจะมีอะไรใหม่ๆ ให้เรียนรู้และแก้ไขเกือบตลอดเวลา ยกเว้นสิ่งที่เป็นปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เรื่องของความผันผวนทางเศรษฐกิจ,การเมือง,การปกครอง ที่มีผลต่อการบริหารงาน  เป็นสิ่งที่ยากต่อการควบคุม อย่างแรกผมจะใช้เวลาในการทบทวนและวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ ล่วงหน้า การอยู่นิ่งๆและใช้เวลา ศึกษาปัญหา ก็สามารถช่วยให้เห็นทางออก ในหลายๆครั้งผมจะปรึกษากับคุณพ่อหรือผู้ใหญ่ที่ผมนับถือ ท่านก็จะชี้แนะแนวทางให้ผม บางครั้งการคิดนอกกรอบบ้างว่า สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่ปัญหาเสมอไป อาจเป็นโอกาสหรือช่องทางธุรกิจแนวใหม่ก็เป็นได้”

ด้านแรงบันดาลใจในการทำงาน รองกรรมการผู้จัดการ  เผยว่า คนสำคัญ คือ คุณทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ซึ่งเป็นคุณพ่อ เพราะท่านเริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ จนประสบความสำเร็จมาได้อย่างทุกวันนี้

“กลยุทธ์ และหลักการดำเนินงานของผม คือ ไม่เคยหยุดศึกษาหาความรู้ใหม่ๆตลอด ผมรู้สึกสนุกและมีความสุขกับงานที่ทำ  ทำให้ผมรู้สึกว่าการทำงานไม่ใช่แค่งานแต่เป็นส่วนหนึ่งของผมไปแล้ว  สำหรับผมแล้ว การร่วมงานกับคนที่เก่งละทีมที่ดี จะทำให้ธุรกิจแข่งแกร่ง”

นอกจากนี้ยังได้ปรับกลยุทธ์ การบริหารโครงการให้มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน ด้วย Concept บ้าน เจไอดี J ID(J Intelligent Design) เป็นนวัตกรรมบ้านเหนือความคาดหมาย ด้วยการวิจัยและพัฒนา product ภายในบริษัท ให้ตอบโจทย์และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ใน Gen X วัย 30 -40 ปี และ GenY วัย 20-30 ปีมากขึ้นรวมถึงการควบคุมระบบต้นทุนโครงการด้วยระบบการก่อสร้างแบบ Precast เพื่อให้เกิดการ Turn over สูง รวมถึงการปรับเป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขายเพื่อควบคุมมาตรฐานงานก่อสร้างได้รัดกุม ส่งมอบบ้านได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ประกอบกับการเสริมกลยุทธ์ด้านสินเชื่อกับธนาคารชั้นนำ ทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมเป็นพันธมิตรสินเชื่อปรับเรตติ้ง บริษัทฯให้อยู่ในกลุ่มลูกค้าชั้นดี หรือ Super premium  ส่งผลให้ลูกค้ากู้ซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น