ระทม! ผู้เลี้ยงปลาในกระชังวอนเห็นใจ กม.น่านน้ำไทยฉบับใหม่ ปรับสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแพงเกินไป อาจต้องเลิกเลี้ยงปลา

นายวรชัย แสงวณิช เจ้าของ “กอกวงฮวดฟาร์ม” ต.บางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ผู้เลี้ยงปลากระชังทับทิมรายใหญ่และรายแรกของประเทศไทย วัย 71 ปี กล่าวว่า ตนเลี้ยงปลากระชังมาตั้งแต่ปี 2539 ปัจจุบันมีกระชังปลาประมาณ 100 กระชัง มีปลาทับทิมนับหมื่นตัว แต่เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายจัดระเบียบทางสังคมและแก้ไขปัญหาผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณะ โดยให้กรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ เพื่อควบคุมการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดลงไปในแม่น้ำลำคลอง ทะเล ชายหาดสาธารณประโยชน์ นำกลับมาเป็นของส่วนรวมเพื่อประโยชน์ในการรักษาลำน้ำสำหรับการพาณิชยนาวี ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 โดยให้เจ้าของสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำต้องไปลงทะเบียนที่สำนักงานเจ้าท่าในพื้นที่ที่สิ่งปลูกสร้างตั้งอยู่ภายในวันที่ 22 มิถุนายน 2560

นายวรชัยกล่าวว่า ตนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากเมื่อพิจารณากฎหมายแล้วหากไม่ไปแจ้งภายในวันที่ 22 มิถุนายน 2560 ก็ถูกจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับในอัตราไม่น้อยกว่า ตร.ม.ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน ตร.ม.ละ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งต้องระวางโทษปรับรายวัน ในอัตราวันละไม่เกิน ตร.ม.ละ 20,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนคำสั่งของกรมเจ้าท่าดำเนินคดี

แต่เมื่อผู้เลี้ยงปลากระชังทุกรายต้องการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อไปแจ้งก่อนวันที่ 22 มิถุนายน 2560 ก็ยังมีความผิดตามกฎหมายอยู่ดี แม้จะไม่มีโทษจำคุกแต่ก็ต้องเสียค่าปรับตารางเมตรละ 500 ถึง 10,000 บาท ตนมองว่าแพงเกินไป เช่น ตนเลี้ยงปลากระชังไว้ประมาณ 100 กระชัง พื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร หากปรับเพียง 500 บาท ก็ต้องเสียค่าปรับเป็นเงินนับล้านบาท จึงฝากไปยังภาครัฐให้ลดหย่อนหรือขยายระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายไปอย่างน้อย 1 ปี เพราะขณะนี้ผู้เพาะเลี้ยงปลากระชังนอกจากจะต้องเผชิญปัญหาค่าออกซิเจนในน้ำต่ำ ทำให้เลี้ยงปลากระชังได้น้อยลงแล้ว เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัว หากต้องเสียเงินค่าปรับแพงๆ ในอนาคต ก็คงต้องเลิกเลี้ยงปลากระชังอย่างแน่นอน

ที่มา : มติชนออนไลน์