ภาษีใหม่กระทบ “เหล้า-เบียร์” ตลาดช็อก ทำค่ายเหล้าเบียร์กุมขมับหลังเปลี่ยนฐานภาษี

“เหล้า-เบียร์” ป่วน ! ภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ ทำค่ายเหล้าเบียร์กุมขมับ หลังเปลี่ยนฐานภาษีเก็บตาม “ราคาขายปลีกแนะนำ” ยังหาข้อสรุปชี้ชัดไม่ได้ สินค้าอิมพอร์ตชี้ราคาปรับขึ้นเฉลี่ย 30-50 บาท/ขวด คาดนักดื่มช็อก ตลาดซบอย่างต่ำ 1 เดือน

ช่วงระหว่างที่รอการบังคับใช้ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนที่จะถึงนี้เป็นต้นไป นอกจากกรมสรรพสามิตจะเร่งออกกฎหมายลูกอีกไม่ต่ำกว่า 70-80 ฉบับ เพื่อให้สอดรับกับหลักการของ พ.ร.บ.ใหม่ แล้ว ควบคู่กันนี้ยังได้เชิญผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจ

ค่ายน้ำเมากุมขมับ

แหล่งข่าวจากวงการเหล้าเบียร์ เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจŽ ว่า หลังจากที่ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ประกาศในราชกิจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา กรมสรรพากร ได้ทยอยเชิญผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งเหล้า เบียร์ บุหรี่ เครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ เข้าไปร่วมประชุมและรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความเข้าใจเป็นระยะ ๆ อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติยังมีความไม่ชัดเจนและมีความสับสนอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่อง สูตรการคำนวณราคาขายปลีกแนะนำŽ ที่จะเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษี ซึ่งกรมสรรพสามิตกำหนดให้ผู้ประกอบการทำโครงสร้างตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและยื่นเสนอเข้าไป

แหล่งข่าวรายนี้ย้ำว่า เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่และยังไม่รู้ว่าจะคิดคำนวณจากฐานอะไร ตามกฎหมาย มาตรา 17(1) ระบุเพียงว่า กรณีของราคาขายปลีกแนะนำให้พิจารณาจากต้นทุนการผลิต ค่าบริหารจัดการ และกำไรมาตรฐาน ตอนนี้ทุกคนต่างก็มีปัญหาเหมือนกันหมดว่า ไม่รู้จะเอาราคาอะไรมาเป็นฐานในการวัดหรือคำนวณ

จริง ๆ แล้ว ทุกวันนี้ ระบบการขายเหล้าเบียร์มีหลายทอด จากโรงงานไปยังบริษัทผู้แทนจำหน่าย จากบริษัทผู้แทนจำหน่ายไปยังยี่ปั๊วซาปั๊ว จากยี่ปั๊วซาปั๊วไปถึงร้านค้าปลีกร้านค้าย่อย และร้านค้าปลีกก็มีหลายระดับหลายประเภท ซึ่งก็จะมีราคาปลีกก็แตกต่างกันŽ

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ค่ายเหล้าเบียร์ยังมีความกังวลในเรื่องของฐานในการคิดคำนวณเงินเพื่อนำไปสนับสนุน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่เดิมเก็บ 2% สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 1.5% และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 2% รวมถึงภาษีท้องถิ่น ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน เพราะหากฐานการคิดคำนวณเปลี่ยนไป เม็ดเงินที่ผู้ประกอบการจะต้องเสียในส่วนนี้ก็จะเปลี่ยนไปด้วย สิ่งที่ผู้ประกอบการห่วงอีกประเด็นหนึ่งคือ กม.ใหม่ฉบับนี้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลพินิจได้ค่อนข้างมาก

คาดตลาดเหล้าเบียร์ช็อก

แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายหนึ่ง เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจŽ ว่า โครงสร้างของภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนนี้จะส่งผลกระทบต่อเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทั้งตลาด ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า โดยเฉพาะราคาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้า ที่เคยใช้ฐานจากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเป็นรายคาขายปลีกแนะนำ มีโอกาสทำให้ราคาสินค้าขยับขึ้นไปอีก 30-40 บาทต่อขวด ซึ่งจะทำให้ในช่วงแรกของการปรับขึ้น ตลาดจะอยู่ในสภาวะช็อก ผู้บริโภคอาจลดการจับจ่ายไปบ้าง แต่ข้อดีคือเป็นการปรับในช่วงหน้าโลว์ซีซั่นของการขาย ซึ่งเมื่อเข้าสู่ในช่วงไฮซีซั่นปลายปีเชื่อว่าผู้บริโภคจะเริ่มปรับตัวได้ในที่สุด

ด้านนายสุรกฤณ ลิมปรัทกาญจนาผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท บาคาร์ดี (ประเทศไทย) จำกัด ก็ระบุว่า ภาษีสรรพสามิตใหม่จะส่งผลให้บริษัทต้องปรับราคาสินค้าขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าต้องปรับขึ้นมากน้อยเท่าไหร่ โดยสินค้าหลักอย่างเหล้ารัมแบรนด์บาคาร์ดี้ ที่ราคาขายปลีกโมเดิร์นเทรดจะอยู่ที่ 729 บาท/ขวด จะพยายามคุมราคาเอาไว้ไม่ให้เกิน 800 บาท และยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อตลาดในช่วงเดือนแรกๆ แต่ในที่สุดเชื่อว่าผู้บริโภคจะปรับตัวได้

ด้านนายภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ผู้จำหน่ายเครื่องดื่มตราสิงห์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ แม้ว่ากฎหมายสรรพสามิต ฉบับใหม่จะออกมาแล้ว แต่ยังไม่นิ่ง โดยเฉพาะบรรทัดฐานการจัดเก็บที่กฎหมายระบุว่า ราคาขายปลีกแนะนำ นั้นจะนับหรือคำนวณจากอะไร หรืออย่างไร ดังนั้นคงต้องรอว่าจริงๆ แล้วจะออกมาเป็นยังไง หากพูดหรือบอกไปตอนนี้ก็เหมือนกับการเดาว่ามันจะออกเป็นรูปแบบไหน จึงต้องรอให้กรมสรรพสามิตประกาศออกมาว่าจะเก็บแบบไหน อย่างไร แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าในแง่ของการจ่ายภาษีให้รัฐจะไม่น้อยกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันแน่นอน

เร่งหาข้อสรุปภายใน มิ.ย.

แหล่งข่าวจากวงการเหล้าเบียร์อีกรายหนึ่ง กล่าวว่า ล่าสุด กรมสรรพสามิต ได้ร่างกฎกระทรวงเรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ การประกาศราคาขายปลีกแนะนำ เพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษี พ.ศ.2560 โดยส่วนหนึ่งระบุว่า หากราคาขายปลีกแนะนำไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง คือ ต่ำกว่า ราคาฐานนิยมของราคาขายปลีกŽ ที่กรมสรรพสามิต ได้สำรวจมา 5% ให้ใช้ราคาฐานนิยมของกรมฯ หรือกรณีราคาขายปลีกแนะนำไม่เป็นไปตามกลไกตลาด คือ เป็นราคาเพื่อส่งเสริมการขาย หรือราคาที่ขายให้กับผู้มีสิทธิพิเศษต่างๆ ให้ใช้ราคาฐานนิยมของกรมฯ ส่วนในกรณีที่ไม่สามารถหาราคาฐานนิยมได้ ให้ใช้ราคาขายปลีกสูงสุดในตลาดปกติ

นายธนากร คุปตจิตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย ระบุว่า เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมากรมสรรพสามิต และตัวแทนภาคเอกชน จากสภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรม ได้มีการหารือกันเรื่องรูปแบบการกำหนดวิธีแสดงราคา เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการคิด ราคาขายปลีกแนะนำŽ ที่เป็นสาระสำคัญของการคิดภาษีจาก พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ แทนการคิดจากฐานเดิมคือราคาหน้าโรงงานหรือราคานำเข้า

เบื้องต้นมีแนวทาง เช่น ราคาขายที่ปรากฏบนภาชนะบรรจุ ราคาที่แจ้งต่อกรมสรรพากร และกรมการค้าภายใน ส่วนกรณีที่ราคาขายปลีกที่แจ้งเอาไว้ ไม่ตรงกับราคาขายในตลาด สามารถยอมรับได้หากต่างกันไม่เกิน 5% อย่างไรก็ตาม การหารือดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุป แต่คาดว่าจะหาข้อยุติให้ได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้