เปิดเคล็ดลับสุดว้าว “เอ็กเซอร์ไซส์ดวงตา” ฟื้นฟูสายตาสั้น-ยาว-เอียง-เหล่ ด้วยวิธีธรรมชาติ

วันที่ 2 มิถุนายน 2560 เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานกิจกรรม “Healthy Talk : สายตาดีด้วยวิธีมหัศจรรย์” โดย “จอย-อุราภา วัฒนะโชติ” ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูดวงตาด้วยวิธีธรรมชาติ ภายในงานแฟร์สุขภาพประจำปี “Healthcare 2017 ฟิตเกินวัย ใจเกินร้อย” ณ เพลนารีฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และสื่อในเครือ

“จอย อุราภา”
ผู้เขียนหนังสือ “สายตาดีด้วยวิธีมหัศจรรย์” เปิดเผยวิธีสุดว้าวในการฟื้นฟูสายตาทั้งสั้น ยาว เอียง หรือเหล่ ด้วยวิธีการฝึกสายตาที่เรียกว่า “เอ็กเซอร์ไซส์” ซึ่งสามารถฝึกได้ทุกเพศทุกวัย ปราศจากความเสี่ยง ทั้งยังมีโอกาสฟื้นฟูจนสามารถมองเห็นได้เป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องสวมแว่นให้รำคาญใจ

“การฟื้นฟูไม่มีความเสี่ยง ทำได้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มที่เป็นโรคทางตา ควบคู่ไปกับจักษุแพทย์ จริงๆ ก็ช่วยให้ถอดแว่นมาได้หลายคนแล้ว คลินิกเปิดมา 6 ปีแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ช่วยให้ชะลอ หรือถ้าสั้นไปแล้วก็มีโอกาสที่จะถอดแว่นได้ โดยที่กระบอกตาไม่เปลี่ยน แต่การมองเห็นเปลี่ยน คือมองได้ชัดเจนตามปกติ”

ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูดวงตาด้วยวิธีธรรมชาติเผยว่า ให้เริ่มจากการล้างตา โดยกรอกตาไปมาซ้ายขวาและขึ้นลงในถ้วยน้ำเหมือนการล้างตาโดยทั่วไป จากนั้นจึง “เอ็กเซอร์ไซส์” ทีละขั้นตอน เช่น การเล่นลูกบอล โดยเริ่มจาก ชูบอลขึ้นเหนือศีรษะทางด้านข้างลำตัว จากนั้นกะพริบตาแล้วโยนลง แล้วจึงทำซ้ำไปมาหลายรอบ นอกจากนี้ยังมีแบบฝึกหัดต่างๆ อีกมาก ขึ้นกับอาการทางสายตาของแต่ละคน

สำหรับต้นตำรับวิธีการฟื้นฟูสายตาลักษณะนี้ “อุราภา” บอกว่าได้รับการถ่ายทอดวิชามากจากอาจารย์อะมาร์จิต์ (Amarjith Swain) อาจารย์ชาวอินเดีย ตั้งแต่สมัยที่ไปเรียนการฟื้นฟูสายตาที่ประเทศอินเดีย

“เมื่อ 6 ปีก่อนได้ไปฟื้นฟูสายตาที่ประเทศอินเดีย เราสายตาสั้นประมาณเกือบ 200 เราก็เอาแว่นติดไปด้วย ไปเจอกับอาจารย์อะมาร์จิต์ ซึ่งเพื่อนในคลาสเรียนชวนเราไปฟื้นฟูกับอาจารย์ จนเมื่อเราหายจากสายตาสั้น เราเลยกลับมาแลั้วตั้งปณิธานว่าอยากให้คนไทยและคนใกล้ชิดได้รับการฟื้นฟูแบบนี้บ้าง” อุราภาระบุ

อย่างไรก็ตาม ปณิธานของอุราภาได้รับการเติมเต็มมากกว่าที่คาดหวัง ด้วยสถานการณ์ปัญหาสายตาในเอเชียรวมทั้งประเทศไทยค่อนข้างรุนแรง ทำให้มีผู้เข้ารับการฟื้นฟูในคลินิกจำนวนมาก โดยข้อมูลด้านสถิติของประเทศสิงคโปร์พบว่า มีคนมีปัญหาสายตาสั้นมากถึงร้อยละ 79 เนื่องจากการเรียนที่หนัก ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน รวมทั้งการเพ่งมองระยะใกล้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สถิติการใช้สมาร์ทโฟนยังพบว่า ในปี 2013 คนไทยใช้เวลา 4.6 ชั่วโมงในแต่ละวันให้กับสมาร์ทโฟน ขณะที่ปี 2014 การใช้เวลากับสมาร์ทโฟนก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นวันละ 7.2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ปัญหาทางสายตามีมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี

“ต่าย” หนึ่งในผู้เข้ารับการรักษาของศูนย์ฟื้นฟูด้านสายตาแห่งนี้ เล่าว่า ตอนที่รู้จักศูนย์ฯ นี้ผ่านมติชน รู้สึกตื่นเต้นและสนใจมากๆ จึงลองเข้าไปฟื้นฟูเพราะไม่อยากใส่แว่นสายตาแล้ว จากเดิมที่ชีวิตผูกติดกับแว่นสายตาแบบขาดไม่ได้ เนื่องจากค่าสายตาสองข้างสั้นมาก ซ้ำยังไม่เท่ากันคือ 800 และ 500 แต่หลังจากที่ตนเข้ารับการฟื้นฟูมาแล้ว 7 เดือน ตอนนี้การมองเห็นดีขึ้น เหลืออยู่ที่ 300 และ 200 ไม่ต้องใส่แว่นก็มองเห็นได้มากขึ้นกว่าเก่า

อีกหนึ่งผู้เข้ารับการฟื้นฟูทางสายตาโดยตรงคือ “สุรศักดิ์” ที่กล่าวว่า ตนสายตาสั้นประมาณ 300 สนใจเข้ามารับการฟื้นฟูมากๆ โดยทำทั้งในแบบฝึกหัดและนอกแบบฝึกหัด พอทำสัก 70 นาทีก็รู้สึกว่าภาพที่เห็นใสขึ้นจริงๆ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสุขภาพตาด้วยวิธีธรรมชาติชี้ว่า สายตาสั้นไม่ใช่เพราะกรรมพันธุ์เป็นหลัก แต่มาจากสิ่งแวดล้อมมากว่า

ก่อนปิดท้ายด้วยคำถามชวนคิดสำหรับผู้มีปัญหาทางสายตาว่า

“ทำไมเราต้องจำกัดตาเราว่าต้องใส่แว่น ทำไมไม่ทำให้เราง่าย ประหยัด และถนอมดวงตาคู่เดียวคู่นี้ เพราะมันไม่สามารถทดแทนกันได้”

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์