ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เปิดเผยว่า “ มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งเป็นธุรกิจเพื่อสังคม ได้ตระหนักถึงการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน โดยส่งเสริมให้เกษตรกรมีการรวมตัวกันปลูกพืชสมุนไพรเกษตรอินทรีย์มามากกว่า 15 ปี ซึ่งการปลูกด้วยวิธีเกษตรอินทรีย์นั้นนอกจากจะปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังปลอดภัยต่อตัวเกษตรกร และผู้บริโภค โดยมูลนิธิมีการประกันราคาและจำนวนรับซื้อสมุนไพรจากกลุ่มเกษตรกร เพื่อนำมาแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร ช่วยเพิ่มมูลค่า และสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจระดับครัวเรือนภาคการเกษตร จากการวิจัยเบื้องต้นพบว่าเกษตรกรมีรายได้จากการปลูกสมุนไพรหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 70,000 บาท/คน/ปี
ดร.ภญ.สุภาภรณ์กล่าวว่า อภัยภูเบศรได้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าว โดยในยุคเริ่มต้นเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผิวและผม เนื่องจากพบข้อมูลที่น่าสนใจว่าน้ำมันรำข้าวมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวและผม เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ มีการจดสิทธิบัตรในต่างประเทศว่า น้ำมันรำข้าวเป็น natural sunscreen และรำข้าวยังให้ความชุ่มชื้นแบบที่ไม่เหนอะหนะ เพราะมีโมเลกุลเล็กซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึกได้ดี ในยุคแรกจึงเกิดเป็นสบู่รำข้าวให้คนได้ใช้ และมีอีกหลายผลิตภัณฑ์ตามมา นอกจากนี้ เมื่อปี 2555 เราได้ร่วมกับศูนย์วิจัยนาโนเทคโนโลยี วิจัยเรื่องเซรั่มรำข้าว นับเป็นครั้งแรกของโลกที่พบว่าน้ำมันรำข้าวช่วยให้ผมงอกใหม่ ซึ่งตรงกับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ทางอภัยภูเบศรได้รับจากหมอยาพื้นบ้านอีสานว่าให้นำรำข้าวมาพอกหัวแก้หัวล้าน ในปีนี้จะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์รำข้าวไปอีกขั้น คือ การมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวหอมมะลิ จากการศึกษาวิจัยเรื่องน้ำมันรำข้าวที่มีอย่างกว้างขวาง พบว่าน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุข ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือดที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งน้ำมันรำข้าวสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย และเพิ่มคอเลสเตอรอลตัวดี ซึ่งนับว่าเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ในน้ำมันรำข้าวประกอบด้วย แกมมาโอไรซานอล โทรโคฟีรอล โคไตรอีนอล และสารอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอนุมูลอิสระนี้เป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดความเสื่อมของเซลล์ทั้งผิวและภายในร่างกาย โดยน้ำมันรำข้าวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีกว่าวิตามินอีถึง 8 เท่า
ดร.ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวอีกด้วยว่า “ แต่ความพิเศษของ น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวหอมมะลิ ของอภัยภูเบศรนั้นเป็นเกษตรอินทรีย์ ซึ่งผ่านการหีบเย็นทันทีหลังการสีภายใน 24 ชม. โดยปราศจากสารเคมีพวก hexane ในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแท้จริง ทั้งนี้ข้าวที่ใช้เราได้วัตถุดิบจากโรงสีข้าวจากกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดยโสธร ได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในระดับสากล จากสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ( ม.ก.ท.) ภายใต้การยอมรับของ IFOAM และผ่านการตรวจสอบคุณภาพ การวิเคราะห์ วิจัยด้วยโรงงานมาตรฐาน GMP เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพในราคาไม่แพง และเป็นการส่งเสริมชาวนาให้คงไว้ซึ่งการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ ปลอดสารเคมี เพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพทั้งคนปลูกและผู้บริโภค ”