นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารอีอีซี ที่มี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานว่า ที่ประชุมหารือถึงแผนเชื่อมโยงท่าเรือ 3 แห่ง คือ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือสัตหีบ กับโครงการรถไฟทางคู่อย่างไร้รอยต่อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง โดยจากการเร่งรัดกระบวนการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(พีพีพี) และการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) คาดว่าจะทำให้ท่าเรือทั้ง 3 แห่งทยอยเปิดให้บริการได้เร็วขึ้นประมาณปี 2564-2565 จากเดิมปี 2566 ขณะที่รถไฟทางคู่จะพร้อมเข้ามาเชื่อมระบบประมาณปี 2565 เช่นกัน

ด้านนางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวว่า ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีช่วงปี 2558-2559 พบว่าสูงถึง 2.87 แสนล้านบาท จำนวนนี้มีการลงทุนจริงช่วงปี 2559 -2561 ประมาณ 70% และเป็นการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายมูลค่า 1.97 แสนล้านบาท คาดว่าเมื่อแผนการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานมีความชัดเจน และพ.ร.บ.อีอีซี ประกาศใช้ จำนวนนักลงทุนเป้าหมายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ยอดขอรับส่งเสริม การลงทุนในพื้นที่อีอีซีปีนี้คาดการณ์ไว้ที่ 1.5 แสนล้านบาท จากไตรมาสแรกของปี(มกราคม-มีนาคม2560) มีคำขอแล้ว 1.6 หมื่นล้านบาท