ผู้เขียน | หนึ่งฤทัย แพรสีทอง |
---|---|
เผยแพร่ |
เมล่อน เรียกได้ว่าเป็นพืชที่ต้องใช้ฝีมือในการปลูกและการยืนหยัดอยู่ในวงการ เพราะความสำเร็จในการปลูกเมล่อนทุกรอบ ทุกครั้ง ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เลย ดังนั้น วงการนี้จึงมีทั้งคนที่เข้ามาและคนที่พับเสื่อไปอยู่ตลอดเวลา
วันนี้เรามีโอกาสได้มาเยือนสวนเมล่อนของ คุณมิตร รุ่งเรือง ชาวสวนเมล่อนมืออาชีพที่ยึดอาชีพปลูกเมล่อนมานานกว่า 10 ปี จนวันนี้นอกจากจะปลูกเองแล้ว คุณมิตร ยังส่งเสริมเกษตรกรปลูกเมล่อนเพื่อป้อนตลาด ซึ่งความที่เขาผลิตเมล่อนคุณภาพมาตรฐาน GAP จึงทำให้เมล่อนที่นี่เป็นที่ต้องการของแม่ค้าที่ซื้อขายกันมานาน และวันนี้คุณมิตรยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการปลูกเมล่อนในโรงเรือนกว่า 24 โรงเรือน เพื่อป้อนตลาดบนที่ต้องการเมล่อนคุณภาพสูง ซึ่งแม้จะลงทุนค่อนข้างสูงในส่วนของโรงเรือนเมื่อเทียบกับการปลูกกลางแจ้ง แต่การปลูกในโรงเรือนก็มีข้อดีตรงที่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกต่างๆ ได้เป็นอย่างดี สามารถลดความเสี่ยงจากโรคและแมลงได้ระดับหนึ่ง จึงสามารถลดต้นทุนการใช้สารเคมีและปัจจัยการผลิตอื่นๆ ได้อีกด้วย
อีกทั้งยังความเสียหายจากสภาพแวดล้อม เช่น น้ำค้างหนัก ฝนตกหนัก แสงแดดและอื่นๆ ได้อีกด้วย การปลูกเมล่อนในโรงเรือนจึงสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ขณะที่การปลูกกลางแจ้งจะค่อนข้างเสี่ยงต่อความเสียหายค่อนข้างสูงในช่วงฤดูฝน สามารถวางแผนการปลูกเพื่อให้มีผลผลิตต่อเนื่องได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่อาชีพปลูกเมล่อน
คุณมิตร เล่าถึงจุดเริ่มต้นก่อนที่จะมาปลูกเมล่อนว่า เขาเรียนจบมาทางด้านช่าง แต่กลับมีอาชีพเลี้ยงวัวนม ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนส่วนใหญ่ที่จังหวัดราชบุรี ส่งให้กับสหกรณ์โคนมหนองโพ จนเมื่อมีครอบครัวคุณมิตรย้ายมาอยู่ที่กาญจนบุรีและยังยึดอาชีพเลี้ยงวัวนมอยู่ จนตอนหลังเจียไต๋มาให้คุณมิตรปลูกเมล่อน คุณมิตรเห็นว่าน่าสนใจ เพราะรายได้ดี จึงปลูกเมล่อนส่งเจียไต๋ โดยเริ่มจากพื้นที่ปลูก 1 ไร่ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี จึงขยายพื้นที่และปลูกเมล่อนเรื่อยมา และตัดสินใจเลิกอาชีพเลี้ยงวัวอย่างถาวร
เมื่อพบว่า เมล่อน เป็นทางเลือกที่ดีกว่า หลังจากปลูกส่งเจียไต๋มาประมาณ 4 ปี คุณมิตรเริ่มเห็นช่องทางการตลาดเอง จึงหันมาผลิตเมล่อนส่งตลาดเอง โดยมุ่งผลิตเมล่อนคุณภาพ จนได้รับมาตรฐาน GAP และทำให้โอกาสทางการตลาดเติบโตมากขึ้น เพราะนอกจากจะขายให้กับแม่ค้าทั่วไปแล้ว ผลผลิตจากสวนแห่งนี้ยังมีบริษัทหรือซัพพลายเออร์มารับซื้อ เพื่อป้อนห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่ง
วางแผนปลูกให้มีผลผลิตป้อนตลาดตลอดปี
การปลูกเมล่อนของคุณมิตรจะมีการวางแผนปลูกทุกเดือน เดือนละ 14,000-20,000 ต้น แล้วแต่ความพร้อมของพื้นที่ เมื่อก่อนช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ซึ่งกาญจนบุรีฝนค่อนข้างชุกก็จะเว้นช่วงไปก่อน แล้วไปเพาะเห็ดแทน เพราะการปลูกเมล่อนกลางแจ้งในช่วงฝนนับว่าค่อนข้างเสี่ยงต่อความเสียหายมาก ซึ่งยากที่จะประสบความสำเร็จ แต่หลังจากที่ตัดสินใจสร้างโรงเรือนเพื่อปลูกเมล่อน 24 โรงเรือน ในปีที่ผ่านมา ก็สามารถวางแผนปลูกเมล่อนได้ตลอดทั้งปีแล้ว โดยปีหนึ่งคุณมิตรบอกว่าจะปลูกเมล่อนประมาณ 5 รอบ ต่อปี แต่ละรอบก็ประมาณ 3-4 ไร่ (1 ไร่ ประมาณ 3,000-3,500 ต้น)
เทคนิคการปลูกเมล่อนให้ได้คุณภาพดี
การปลูกเมล่อนของคุณมิตรก็ไม่ต่างจากคนอื่นทั่วไปในส่วนของการเตรียมแปลงและการจัดการต่างๆ แปลงปลูกเมล่อน จะกว้าง 1 เมตร ทางเดิน 1 เมตร ปลูก 2 แถว บนร่อง ระยะปลูกระหว่างแถวบนร่อง 60 เซนติเมตร ระหว่างต้น 40 เซนติเมตร 1 ไร่ ประมาณ 3,000 ต้น พันธุ์ที่ปลูกส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์เอมี่ เนื้อเขียวและเนื้อส้ม มีพันธุ์อื่นแซมบ้างไม่มากนัก
การเพาะกล้า ใช้วัสดุเพาะหรือมีเดีย ซึ่งจะทำให้กล้าเติบโตดี อัตราการรอดสูง การเพาะเมล็ดไม่ได้บ่มเมล็ดแต่อย่างใด แต่จะใช้วิธีจิ้มแห้ง หรือการจิ้มเมล็ดลงในมีเดียโดยตรง โดยไม่ได้ทำอะไรเพื่อกระตุ้นการงอก เมื่อต้นกล้าอายุ 10-12 วัน ก็จะย้ายลงแปลงปลูกได้
การให้ปุ๋ย จะให้ไปทางสายน้ำหยด โดยเริ่มให้ปุ๋ยครั้งแรก 3 วัน หลังปลูกลงแปลง โดยช่วงแรกให้ปุ๋ย 5 กิโลกรัม ต่อ 8,000 ต้น หรือประมาณ 0.6 กรัม ต่อต้น นำมาผสมน้ำ 50 ลิตร แล้วปล่อยไปพร้อมกับระบบน้ำหยด ให้ปุ๋ยสูตรนี้ไปจนกระทั่งแขวนลูกหรือประมาณ 50 วัน นับจากวันเพาะเมล็ด หรือประมาณ 40 วัน นับจากวันปลูกลงแปลง เปลี่ยนมาใช้สูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 อัตราเท่าเดิม จนกระทั่งก่อนตัด ประมาณ 1 สัปดาห์ จึงงดน้ำ งดปุ๋ย ซึ่งสูตรปุ๋ยของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ขึ้นกับสภาพดิน สภาพต้น ต้องปรับกันไปค่ะ นอกจากนี้ ก็จะเสริมด้วยธาตุอาหารเสริมทางใบ กลุ่มแคลเซียม-โบรอน โดยจะเน้นให้ช่วงหลังติดลูกไปแล้ว พ่นอย่างต่อเนื่องจะทำให้เมล่อนเนื้อแน่น น้ำหนักดี อายุการวางตลาดนาน
นอกจากการดูแลเรื่องน้ำ ปุ๋ย แล้ว งานที่ชาวสวนเมล่อนจะต้องทำและเป็นช่วงที่ต้องใช้แรงงานมากกว่าปกติก็คือ การลิดแขนงที่แตกออกมาระหว่างซอกใบออก ซึ่งจะเริ่มลิดแขนงครั้งแรก ตอนอายุ 13 วัน หลังจากนั้น อีก 5-6 วัน ลิดอีกครั้ง แขนงจะลิดไปเรื่อยๆ อายุ 1 เดือนกว่าๆ (35-40 วัน) แต่งลูกโดยเลือกไว้ลูกที่แขนงที่ 9-12 หลังจากนั้น อีก 3-4 วัน คัดลูกที่ดีที่สุดไว้เพียงลูกเดียว พร้อมกับแขวนลูกด้วยเชือกเพื่อช่วยรับน้ำหนักของลูก และเมื่อยอดขึ้นไปสุดค้าง หรือเลย 24-25 ใบ ให้ตัดยอดเพื่อหยุดการเจริญทางยอด ให้อาหารส่งมาเลี้ยงผลมากกว่าที่เปลืองอาหารไปเลี้ยงยอด สำหรับปัญหาโรคและแมลงนั้นชาวสวนเมล่อนต้องเจอและต้องฝ่าวิกฤติให้ได้ โดยโรคที่มีโอกาสสร้างความเสียหายก็คือ ไวรัส ที่มีโอกาสจะระบาดได้ตลอดทั้งปี คุณมิตร ใช้แบล็คโมซ่า+ไอซัคกิ้ง พ่น ซึ่งครั้งแรกที่นำมาใช้ต้นเมล่อนโตแล้ว ติดลูกแล้วและเจอปัญหาเพลี้ยไฟ ไวรัสระบาดจนยอดหงิกงอ จึงนำแบล็คโมซ่า+ไอซัคกิ้ง มาใช้ก็แก้ปัญหาได้ในระดับที่น่าพอใจทีเดียว มาแปลงใหม่นี้คุณมิตรจึงใช้แบล็คโมซ่า+ไอซัคกิ้ง พ่นตั้งแต่แรกๆ เลย
คุณมิตร บอกว่า ในแปลงเมล่อนนี่แทบหนีไม่พ้นพวกเพลี้ยไฟที่มักรุนแรงช่วงแล้ง ซึ่งเป็นช่วงระบาดของเพลี้ยไฟ แมลงพาหะนำเชื้อไวรัส สารเคมีที่ใช้ก็จะมี อิมิดาคลอพริด อะบาเม็กติน เอ็กซอล พ่นสลับกันไปทุก 4-5 วัน นอกจากนี้ ก็จะมีโรคที่สำคัญของแคนตาลูปคือ ราน้ำค้าง สารเคมีที่ใช้ควบคุมโรคที่ใช้ก็จะมี แมนโคเซ็บ เมทาแลกซิล คอปเปอร์ และโบคุ่ม เลือกใช้สลับกันไป
การจำหน่ายผลผลิต การตลาด
การจำหน่ายผลผลิตนั้น มีทั้งส่งซัพพลายเออร์เพื่อส่งห้างสรรพสินค้าและขายให้กับแม่ค้าทั่วไป คุณมิตรบอกว่า เมล่อน 12,000 ต้น จะให้ผลผลิตประมาณ 18-20 ตัน ผลผลิตจะส่งจำหน่ายให้กับบริษัทซัพพลายเออร์ที่นำไปส่งให้กับห้างสรรพสินค้าอีกที โดยคัดเลือกแต่เกรด เอ ราคารับซื้ออยู่ที่ 40 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนที่เป็นเกรดรอง หรือลูกที่เล็กหรือใหญ่กว่านี้รวมทั้งลูกเล็กมากก็จะขายแม่ค้าทั่วไป ราคาขายก็ยังจัดว่าสูง ลูกเล็กน้ำหนักกิโลนิดๆ ยังได้ราคา 20 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนเบอร์รองก็ขายแม่ค้า 35 บาท ต่อกิโลกรัม
คุณมิตร บอกว่า ราคานี้ถือเป็นราคาที่น่าพอใจทีเดียว เพราะต้นทุนเมล่อนอยู่ที่ประมาณ 10 บาท ต่อต้น เท่านั้นเอง แต่สามารถขายผลผลิตได้ ต้นละ 50-80 บาท ในแต่ละรอบของการผลิต จึงมีรายได้และผลตอบแทนที่ดีทีเดียว เมล่อน 10,000-12,000 ต้น สามารถทำรายได้กว่า 600,000-700,000 บาท เมล่อนจึงเป็นพืชที่ทำเงินเป็นก้อนใหญ่ได้ไม่ยาก หากสามารถดูแลจัดการให้เมล่อนฝ่าฟันจนถึงวันที่ได้เก็บผลผลิตได้ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้คุณมิตรยืนหยัดปลูกเมล่อนมานานกว่า 10 ปี พร้อมทั้งรับลูกไร่มาร่วมปลูกเพื่อส่งผลผลิตให้ด้วย ขณะเดียวกันก็ขยายตลาดให้เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ
คุณมิตร กล่าวทิ้งท้ายว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี ที่ผ่านมา เมล่อนคือพืชที่สร้างฐานะและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและเป็นพืชแห่งความหวังและน่าลงทุนกว่าพืชหลายชนิด ด้วยจุดเด่นตรงที่ทำเงินเร็ว ผลตอบแทนสูง ขอเพียงเราสามารถจัดการให้เมล่อนมีผลผลิตให้เก็บได้เท่านั้นเอง ซึ่งก็ต้องใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณมิตร รุ่งเรือง บ้านเลขที่ 69 หมู่ที่ 4 บ้านใหม่เจริญพร ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม 73140 โทร. (089) 805-1397
ที่มา เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์