เผยแพร่ |
---|
น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า กรณีที่มีมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ชื่อ “WannaCry” ระบาดไปยังคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟต์ทั่วโลก และจากการตรวจสอบล่าสุดหน่วยงานรัฐในประเทศไทยทั้งหมด ยังไม่มีหน่วยงานใดได้รับความเสียหายจากมัลแวร์ เพราะรัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการผ่านกระทรวงดีอี ให้กำชับหน่วยงานรัฐทั้งหมดให้ระวังป้องกันไว้อยู่เสมอ ผ่าน 3 ขั้นตอน ได้แก่ การตรวจสอบช่องโหว่ที่อาจทำให้ผู้ไม่หวังดีเข้ามาโจมตีได้ การพัฒนาระบบป้องกันให้ทันสมัยอยู่ตลอด และการอบรมทักษะความรู้ไปจนถึงการตระหนักรู้ให้แก่เจ้าที่รัฐ ประกอบกับไทยยังไม่เป็นเป้าหมายของ แฮกเกอร์ หรือผู้สร้างไวรัสคอมพิวเตอร์ในต่างประเทศ
กรณีเลวร้าย หากหลังจากนี้ มีหน่วยงานรัฐใดติดมัลแวร์ WannaCry ทางดีอีได้แจ้งแนวทางปฏิบัติไปแล้ว โดยให้รีบปิดระบบทันที จากนั้นให้รีบแจ้งไปยังผู้ดูและระบบและกระทรวงดีอีหรื ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (ThaiCERT) ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ หากหน่วยงานรัฐใดโดนโจมตีจริง ยังสามารถเรียกข้อมูลที่ได้มีการสำรองข้อมูลไว้ ตามแหล่งต่างๆ กลับมาได้ทันที ฉะนั้นจะไม่กระทบต่อการให้บริการภาคประชาชนแน่นอน
ในส่วนภาคเอกชนไทย ยังไม่มีหน่วยงาน หรือองค์กรใด แจ้งความเสียหายเข้ามา จึงไม่อาจทราบยอดผู้เสียหายในเวลานี้ได้ ซึ่งเป็นได้ว่าข้อมูลที่ที่โดยเข้ารหัสเรียกค่าไถ่ ของผู้ผู้ประกอบการภาคเอกชน และภาคประชาชน ในเวลานี้ยังไม่ได้เป็นข้อมูลสำคัญที่สร้างความเสียหายแต่อย่างใด สำหรับแนวทางปฏิบัติของภาคเอกชน และภาคประชาชนในการป้องกันมัลแวร์ WannaCry คือ การไม่เปิดไฟล์เอกสารแนบของอีเมลโดยไม่จำเป็นเฉพาะอย่างยิ่งจากอีเมลที่ไม่ทราบแหล่งที่มา ควรปรับปรุงระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
“ขอประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกกับการระบาดของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ขอให้คิดเสมอว่า ไวรัส หรือ มัลแวร์คอมพิวเตอร์เหล่านี้ ก็เหมือนไวรัสทั่วไปที่ลอยอยู่ในอากาศ หากเราทำตัวเองให้แข็งแรง มีการอัพเดตระบบปฏิบัติการ ระบบป้องกับอยู่เสมอ ไม่เปิดอีเมลหรือโหลดที่ไม่ทราบแหล่งที่มา หรือไปเข้าเว็บไซต์ที่เป็นดาร์คเว็บ(เว็บผิดกฎหมายต่างๆ) ไวรัสก็จะไม่สามารถทำอะไรเราได้ ” น.อ.สมศักดิ์ กล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์