‘บอย ชิงร้อยฯ’เปิดใจถึงจุดอิ่มตัว อยากมีอาชีพยั่งยืน ซึ้งไม่ใช่ตลกดัง แต่มีคนถามถึง

“บอย ชิงร้อยชิงล้าน” เปิดใจถึงจุดอิ่มตัว-อยากมีอาชีพที่ยั่งยืนและใช้ชีวิตเป็นครอบครัวสาเหตุตัดใจทิ้งจอ ปัดไม่มีเบื้องหลังยันยังรักเคารพตลกรุ่นพี่ “หม่ำ จ๊กมก”และทีมงานทุกคน

จากกรณี “บอย ชิงร้อยชิงล้าน”ดาราตลกลูกทีม “หม่ำ จ๊กมก”ในรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน ว้าว ว้าว ว้าว” ที่จู่ๆหายเงียบไปจากหน้าจอทีวีเฉยๆ จนแฟนคลับถามหาด้วยความคิดถึง กระทั่งล่าสุดพบบอยโผล่ไปทำธุรกิจร้านขายลาบ-จิ้มจุ่มเล็กๆอยู่ริมถนนย่านกลางเมืองเพชรบูรณ์

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 7 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 16.00 น. “บอย ชิงร้อยชิงล้าน” หรือ “พีรชัย รักเบิกบาน”อายุ 42 ปี ดาราตลกหน้าตายซึ่งผันตัวมาเป็นเจ้าของร้านลาบ-จิ้มจุ่ม โดยใช้ชื่อร้านลาบเมาอุ้มกลับ บริเวณริมถนนเทพาพัฒนา ย่านกลางเมืองเพชรบูรณ์ พร้อม น.ส.ปิยนุช อัตตะชีวะ หรือ ”หญิง” อายุ 27 ปี ภรรยาบอย ได้เดินทางมาเปิดร้านอาหารเพื่อขายตามปกติ หลังจากปิดร้านในทุกๆวันเสาร์เพื่อพาครอบครัว โดยเฉพาะลูกสาว “น้องโฟโล่”ไปเที่ยวพักผ่อน ซึ่งปรากฏว่ามีแฟนคลับและลูกค้าทยอยมาเยี่ยมและอุดหนุนร้านลาบของบอยอย่างไม่ขาดระยะ โดยเฉพาะแฟนคลับชาวเมืองเพชรบูรณ์ต่างพูดกันเสียงเดียวว่า “คาดไม่ถึงว่าพี่บอยชิงร้อยฯจะยอมทิ้งชื่อเสียงในแวดวงบันเทิงที่คนส่วนใหญ่ใฝ่ฝันอยากเข้าไปสัมผัส และหันมาเอาดีทางอาชีพร้านขายอาหารอีสาน ที่สำคัญฝีมือการทำอาหารสไตล์อีสานของพี่บอยไม่ธรรมดาอร่อยมากไม่ว่าจะเป็นลาบหรือต้มแซ่บ จิ้มจุ่มจนต้องมาเป็นขาประจำและราคาไม่แพงด้วย”

ด้านบอย ชิงร้อยชิงล้าน กล่าวเปิดใจถึงสาเหตุที่ตัดสินใจก้าวออกจากวงการตลกว่า “ผมคงถึงจุดอิ่มตัวและก่อนหน้าที่ลาออกก็เกริ่นๆไว้กับพี่หม่ำว่า อยากจะมีอาชีพเป็นหลักแหล่งไปพร้อมๆกับดูแลครอบครัว เพราะช่วงที่อยู่ในวงการบางครั้งจะต้องเดินสายไปต่างจังหวัดหลายวัน ทิ้งภรรยาและลูกสาวไว้ทำให้เป็นห่วง โดยเฉพาะลูกสาวซึ่งอายุจะครบ 3 ปีในอีกไม่กี่วันนี้ก็ค่อนข้างดื้อ ก็เลยปรึกษากับภรรยากระทั่งมีโอกาสมาเที่ยวเพชรบูรณ์ เลยติดใจสภาพอากาศและอัธยาศรัยของชาวเพชรบูรณ์ จึงตัดสินพาครอบครัวมาลงหลักปักฐานที่เพชรบูรณ์ซึ่งเป็นบ้านเกิดภรรยา นอกจากนี้ยังมีแม่ยายช่วยเลี้ยงลูกสาวอีกแรง ทำให้ชีวิตผมในตอนนี้รู้สึกถึงความเป็นครอบครัวอย่างแท้จริง”

เมื่อถามว่าไม่มีสาเหตุหรือปัจจัยอื่นที่ทำให้ต้องหันหลังให้กับวงการตลก ดาราตลกหน้าตายบอกปัดทันทีว่า “ไม่มีครับยืนยันว่าไม่มีจริงๆไม่ได้มีความขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ยิ่งพี่หม่ำและพวกพี่ๆในทีมงานผมยังรักเคารพเหมือนเดิม หากจะบอกว่าหันหลังโดยสิ้นเชิงก็คงไม่ใช่ หากมีใครจ้างผมแพงๆ(หัวเราะ-ปล่อยมุข)ก็พร้อมจะรับงานครับ แต่ทั้งนี้หากต้องไปมากรุงเทพฯ-เพชรบูรณ์ก็คงลำบาก หากเป็นงานใกล้ๆบริเวณนี้คงไม่เป็นปัญหาอันนี้พูดจริงนะ”

เมื่อถามย้ำอีกว่าไม่คิดจะกลับไปเล่นตลกอีกครั้งจริงๆเหรอ บอยตอบว่า “เมื่อผมลาออกมาแล้วการกลับไปก็คงลำบาก ที่สำคัญตอนนี้อาชีพตลกในส่วนตัวคิดว่า เป็นงานอดิเรกจึงต้องหาอาชีพหลักที่ยั่งยืน ซึ่งภรรยาผมก็เห็นด้วย ยิ่งตอนนี้กำลังยุ่งกับกิจการภายในร้านที่เพิ่งเปิดมาได้เกือบราว 3 เดือน และลูกค้าเริ่มรู้จักและเริ่มจะติดในฝีมือการทำอาหารของผม”

แต่แฟนคลับถามถึงเยอะมาก! บอยตอบว่า “ต้องขอขอบคุณแฟนคลับทุกท่านที่ยังเป็นห่วงไม่ลืมบอยครับ โดยส่วนตัวแล้วผมก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีผู้คนให้ความสนใจขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาผมคิดว่าเป็นแค่ตลกปลายแถวหรือแค่ตัวประกอบเล็กๆไม่ได้เด่นดังอะไรมากมาย และเมื่อหายไปเฉยๆแบบนี้คงไม่มีใครสนใจเท่าไหร่ แต่ผิดความคาดหมายเพราะหลังตกเป็นข่าวเป็นกระแสอีกครั้ง กลับมีแฟนคลับถามถึงมากมายสำหรับผมแล้วยอมรับว่ามีความหมายซึ้งใจมาก คงต้องขอบคุณบรรดาแฟนคลับทุกๆคนที่ยังคิดถึงและยังถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอยู่

อย่างไรก็ตามก่อนจบการสัมภาษณ์ “บอย ชิงร้อยฯ”ยังยิงมุขหน้าตายทิ้งท้ายแบบติดตลกเล็กๆว่า “เรื่องราวของการทำอาหารของผม แม้จะยากยิ่งกว่าการเล่นตลก แต่หากคุณได้มีโอกาสชิมหรือลิ้มลองรับรองคุณจะติดใจ ไม่เชื่อหากบึ่งรถมาเที่ยวเพชรบูรณ์เมื่อไหร่อย่าลืมแวะอุดหนุนร้านเมาอุ้มกลับนะครับ”

 

ที่มา มติชนออนไลน์