ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
นพ.สุเทพ วัชรปิยนันทน์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้รับงบประมาณสนับสนุนกิจสร้างความสุขในองค์กร โดยกรมได้สร้างวัฒนธรรมองค์กรสร้างสุขขึ้นภายในกรมในหลายกิจกรรม อาทิ การถ่ายทอดองค์ความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองและประชาชน ด้วยกายบริหารแบบไทยด้วยท่าฤาษีดัดตน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม ที่ปรากฏชัดเจน ในตำราของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) ซึ่งมีการสร้างมีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และมีการบูรณะครั้งยิ่งใหญ่ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จำนวน 80 ท่า ซึ่งต่อมาชำรุด พัง เหลือเพียง 24 ตน ดังนั้นในรัชสมัยของรัชกาลที่ 9 จึงได้มีการสร้างทดแทนของเดิมจำนวน 82 ตน 80 ท่า โดยจะจัดแสดงไว้บริเวณเขามอ วัดโพธิ์ต่อไป
สำหรับท่าง่าย ๆ ที่อยากแนะนำประชาชน ให้ฝึกหัดทำ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชะลอวัย เป็นการนวดกล้ามเนื้อใบหน้า มีด้วยกัน 7 ท่า เป็นการประยุกต์เพื่อการใช้ประโยชน์ โดย ศ.นพ.กรุงไกร เจนพานิช ทั้งหมดนำมาจากท่าฤๅษีดัดตน ภูมิปัญญาของคนไทย โดยระหว่างปฏิบัติจะได้ฝึกลมหายใจ ซึ่งเท่ากับได้ทำสมาธิไปในตัว ส่วนผลลัพธ์ที่ได้หลังนวดแล้ว จะช่วยระบบไหลเวียนโลหิตบริเวณใบหน้าดีขึ้น เลือดไปหล่อเลี้ยงใบหน้าและสมองได้ดี อีกทั้งยังช่วยบำรุงสายตา ยกระดับจิตใจให้พ้นจากอารมณ์ขุ่นมัวและคลายเครียด
ท่าแรก เรียก ท่าเสยผม ใช้ปลายนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง กดที่คิ้วทั้งสองข้างพร้อมกัน จากนั้นดันนิ้ว ทั้งสามเคลื่อนผ่านหน้าผาก เรื่อยไปยังศีรษะและสิ้นสุดที่ท้ายทอย ตามด้วยท่าทาแป้ง ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางวางที่บริเวณหัวตาแล้วค่อยๆ ดันขึ้น เมื่อผ่านหน้าผาก วางนิ้วนางและนิ้วก้อยเพิ่มเข้ามา จากนั้นลูบออกด้านข้างไปทางหางคิ้ว ผ่านข้างแก้ม สิ้นสุดที่คาง
ท่าเช็ดปาก ใช้ฝ่ามือซ้ายวางทาบบนแก้มขวา โดยให้ปลายนิ้วกลางวางบริเวณปลายติ่งหูขวา จากนั้นลากมือไปทางด้านซ้าย ระหว่างนั้นฝ่ามือต้องกดให้แนบสนิทกับใบหน้าและปากเมื่อลากผ่านด้วย เสร็จแล้วจึงสลับสลับมือไปทำด้านซ้าย
ท่าเช็ดคาง ใช้หลังมือซ้ายทาบใต้คาง ให้ปลายนิ้วกลางอยู่ที่ติ่งหูขวา แล้วลากมือไปทางซ้าย ผ่านคางไปสิ้นสุดที่ใต้หูซ้าย จากนั้นเปลี่ยนใช้มือขวาทำอีกด้านเช่นเดียวกัน
ท่ากดใต้คาง ให้วางปลายนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างตรงกลางกล้ามเนื้อใต้คาง โดยวางนิ้วในมุมตั้งฉากกับคาง จากนั้นก้มหน้าเพื่อต้านแรงกด นิ่งค้างไว้ 10 วินาที แล้วเลื่อนนิ้วขึ้นไปจนสุดแนวขากรรไกร โดยเลื่อนทีละด้าน
ท่าถูหน้าหูและหลังหู ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้าง กางแนบหูแบบหลวมๆ ส่วนฝ่ามือก็วางแนบแก้ม จากนั้นถูนิ้วมือลงบนใบหูด้วยน้ำหนักพอสมควรอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งสองข้าง โดยถูไว้นานสัก 20 วินาทีหรือ 20 ครั้ง
ท่าตบท้ายทอย ใช้สันฝ่ามือทั้งสองวางปิดใบหู ให้ปลายนิ้วกลางทั้งสองข้างจรดกันบริเวณท้ายทอย จากนั้นกระดกนิ้วมือนิ้วมือทั้งสองข้างตบที่ท้ายทอยอย่างรวดเร็วด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม ทำนานสัก 20 วินาทีหรือ 20 ครั้ง โดยระหว่างใช้แผงนิ้วตบท้ายทอยไม่ต้องยกสันฝ่ามือออกพ้นใบหู เพียง 7 ท่าสบายๆนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ตึงกระชับ ช่วยให้สายตาดีขึ้น
สอบถามรายละเอียด ได้ที่ Call Center 02-591-7007 www.dtam.moph.go.th