ชาวบ้านหนองโมก เร่งสำรองน้ำรับมือแล้ง ผุดอาชีพเก็บมูลตากแห้งขายทำปุ๋ยช่วงวัวราคาตก

วันที่ 29 เมษายน 2560 เวลา 10.30 น. พื้นที่ทำการเกษตรของเกษตรกร จากสภาพความแห้งแล้งในช่วงฤดูแล้งนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปล่อยทิ้งร้าง ต้องทำการงดเว้นการทำนาปลูกข้าว หรือพืชไร่ต่างๆ เนื่องจากแหล่งน้ำที่ใช้ในการทำการเกษตรนั้นยังคงมีไม่เพียงพอที่จะสามารถใช้หล่อเลี้ยงพืชผลให้เติบโตไปจนสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เช่นที่ บ้านหนองโมก หมู่ที่ 2 ตำบลทุ่งพง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ประชาชนในพื้นที่ต้องเตรียมตัวรับมือเรื่องน้ำใช้อุปโภคบริโภคเป็นหลักกว่าพื้นที่อื่น เนื่องจากในหมู่บ้านนั้นยังไม่มีระบบประปาหมู่บ้าน โดยมีบ่อน้ำบาดาลหนึ่งแห่งที่ประชาชนในพื้นที่นั้นใช้ตักและสูบน้ำขึ้นมาเพื่อใช้อุปโภคบริโภคกันในครัวเรือน และรับน้ำจากรถบริการส่งน้ำจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ซึ่งยังคงสามารถบริหารจัดการน้ำใช้อุปโภคบริโภคได้อย่างพอเพียง ยกเว้นช่วงฤดูแล้งที่บ่อน้ำบาลดาลหลักจะมีน้ำไหลออกมาน้อยกว่าปกติ แต่ปริมาณความต้องการใช้น้ำของประชาชนยังคงอยู่เท่าเดิม จึงอาจจะส่งผลให้บางครัวเรือนต้องใช้เตรียมรับมือกักตุนน้ำเพื่อไม่ให้เดือดร้อนและขาดแคลน

เมื่อถึงช่วงที่น้ำในบ่อบาดาลที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตไหลออกมาน้อยลงจึงทำให้ปัจจุบันนี้ พื้นที่การเกษตรที่ควรจะมีการทำนาปรังรอบที่ 2 จึงกลายเป็นทุ่งหญ้า หรือลานดินที่มีการไถปรับเตรียมการตากดินเอาไว้รอฝนกันเท่านั้น และยังกลายเป็นพื้นที่ใช้เลี้ยง โค กระบือ ในการแทะเล็กหญ้าที่ยังพอมีต้นหญ้าเขียวให้ได้พอเป็นอาหาร ซึ่งหากในช่วงนี้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถสร้างความชุ่มชื่นให้กับผืนดินและจะมีหญ้าอ่อนเติบโตมาให้เป็นอาหารแก่โค กระบือได้เป็นอย่างดี แต่หากในไม่ช้านี้ยังไม่มีฝนตกลงมาแหล่งอาหารเลี้ยงสัตว์นั้นอาจจะขาดแคลนลงได้ ซึ่งหากเกษตรกรรายใดไม่มีหญ้าหรือฟางแห้งสำรองไว้ก็จะสร้างความเดือดร้อนเรื่องอาหารสัตว์อย่างแน่นอน

 

เกษตรกรรายหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งเลี้ยงวัวเป็นอาชีพเสริม เล่าว่า จากความแห้งแล้งในขณะนี้ส่งผลให้ทุ่งนาที่เคยปลูกข้าว และใช้เป็นทุ่งหญ้าให้อาหารสัตว์นั้น เริ่มแห้งลงและไม่มีคุณค่าทางอาหารให้กับวัวที่เลี้ยงไว้ จำนวน 38 ตัว จึงทำให้ช่วงนี้วัวนั้นซูบผอมเห็นอย่างได้ชัดเกือบทุกตัว จึงทำให้ในช่วงนี้ไม่สามารถที่จะขายวัวได้ เพราะราคานั้นจะถูกกดลงมาต่ำมาก แต่ก็ได้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยการนำมูลของวัวทั้งหมดนั้นมาตากแห้งเป็นปุ๋ยอินทรีย์มาทำการบรรจุกระสอบใส่อาหารสัตว์ขายได้วันละ 4 กระสอบ โดยขายกระสอบละ 25 บาท หรือวันละ 100 บาท ซึ่งก็ช่วยให้มีรายได้ทุกวัน และเมื่อวัวที่กินหญ้าแห้งเข้าไปนั้น มูลของวัวจะค่อนข้างแห้งกว่าปกติ ตากเพียงแดดเดียวก็สามารถบรรจุสอบขายได้เลย แต่หากว่าเป็นหญ้าสดมูลของวัวจะเหลวกว่าจะต้องใช้เวลาในการตากแห้ง ประมาณ 2 – 3 แดด จึงจะสามารถบรรจุลงกระสอบขายได้