ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
นายพิริยะ กมลเดชเดชา ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายจัดซื้อสินค้าประเภทอาหารสด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบริษัทบีเจซี กล่าวภายหลังนำคณะเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าแผนกและผู้ช่วยแผนกอาหารสดของห้างบิ๊กซี จำนวนกว่า 60 ชีวิต เดินทางศึกษาดูงานการจัดการผลไม้ตามฤดูกาลจากแหล่งผลิต ในพื้นที่อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า การทำกิจกรรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานซึ่งมีบทบาทในการดูแลสินค้าแต่ละสาขา มีความเข้าใจ เริ่มตั้งแต่กระบวนการเก็บเกี่ยว การคัดแยก การแบ่งเกรด การขนส่ง ผลไม้ตามฤดูกาลอย่างถูกต้อง
และต้องการให้พนักงานมาเห็นด้วยตาว่า กว่าเกษตรกรจะปลูก จะดูแลผลผลิต ตั้งแต่ออกดอก ออกผล กว่าจะเก็บมาบริโภคได้นั้น ต้องใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 7-8 เดือน หลังจากดูแลประคบประหงมมาอย่างดีแล้ว ยังต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ กระบวนการคัดเกรด กว่าที่แต่ละผลผลิตจะส่งไปถึงแต่ละสโตร์
“เมื่อพนักงานของเราเห็นทุกขั้นตอนเหล่านี้แล้ว พวกเขาจะได้มีความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าที่นำเข้าไปขายนั้นเป็นผลผลิตที่ได้รับการคัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดีจากสวน ไม่ได้ซื้อมาจากตลาดขายส่งทั่วไป แต่ผลผลิตที่นำมาขายนั้นล้วนเป็นผลผลิตที่เกิดจากความตั้งใจและคัดเลือกแหล่งผลิต คัดเลือกซัพพลายเออร์ ที่มีคุณภาพสามารถจัดส่งผลผลิตที่มีคุณภาพ ตลอดจนเรามีการดูแลคุณภาพและความสดในระหว่างการจัดส่งเพื่อให้ผลผลิตถึงมือผู้บริโภค ด้วยการคงความสดและคุณภาพระดับสูง” นายพิริยะ กล่าว
และว่า ที่ผ่านมาพนักงานในห้างได้เห็นผลไม้แค่เกรดเดียว คือ เกรดขึ้นห้าง อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเหตุใดผลไม้ที่ส่งมาขายในห้าง จึงราคาสูงกว่าตลาดทั่วไปหรือรถเร่ แล้วจะไปขายแข่งขันกันได้อย่างไร เพราะผู้บริโภคย่อมต้องการสินค้าที่ราคาถูกกว่า
แม้กระทั่งตัวเขาเอง ก็เคยมีประสบการณ์ตรง ซื้อองุ่นแดงนอก จากรถเร่ 3 กิโลกรัม 100 บาท มา 6 กิโลกรัม เพราะเห็นว่าราคาถูกกว่าในห้างมาก แต่พอนำมาล้างและคัดลูกเสียออก ปรากฏเหลือองุ่นที่ทานได้ไม่ถึง 2 กิโลกรัม นั่นหมายความว่าเขาซื้อองุ่นจากรถเร่กิโลกรัมละกว่า 100 บาทเลยทีเดียว
“ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อย อาจยังไม่เห็นความแตกต่างของผลไม้ชนิดเดียวกันว่ามีหลายเกรด การศึกษาดูงานครั้งนี้ พนักงานของเราย่อมจะได้ประสบการณ์ตรง รู้ว่า เงาะต้องคัดแบบนี้ มังคุดมีหลายเกรด ทุเรียนต้องปอกยังไง เริ่มเข้าใจกระบวนการทั้งหมด และสามารถอธิบายส่งผ่านเรื่องราวเหล่านี้ให้ลูกค้าได้ด้วย ถ้าวันหนึ่งมีลูกค้ามาต่อว่าทำไมผลไม้ของเราถึงขายแพง พนักงานของเราจะได้มั่นใจที่จะอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจได้” นายพิริยะ กล่าว
และเพื่อเป็นการ “จุดพลุ” ประกาศว่า บิ๊กซี จะมีผลไม้ตามฤดูกาลส่งตรงมาจากสวนของเกษตรกรคุณภาพมาจำหน่าย ระหว่างวันที่ 4-7 พ.ค.นี้ ทางบิ๊กซี ราชดำริ จึงให้มีจัดอีเว้นต์ใหญ่ ภายใต้ชื่องาน “บุฟเฟ่ต์ผลไม้ไทย” โดยมีทุเรียน เป็นผลไม้ชูโรง พร้อมทั้งผลไม้อื่นตามฤดูกาล ทั้งเงาะ มังคุด สละ ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้ ข้าวเหนียวทุเรียน และผลไม้ไทยบางจำพวกที่ชาวต่างชาตินิยม อย่าง แตงโม ชมพู่ ด้วย
“ลูกค้าเป้าหมายของการจัดงานครั้งนี้มีทั้งคนไทยและต่างชาติ เนื่องจากเป็นสาขาที่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ทุเรียน ที่คัดเลือกไว้ในแต่ละวัน จึงต้องหลากหลาย โดยกลุ่มต่างชาติอาจมีรสนิยมในการบริโภคต่างจากคนไทย ซึ่งเทศกาลผลไม้บุฟเฟ่ต์ผลไม้ไทยนี้ สามารถตอบสนองตวามต้องการของผู้บริโคภทุกกลุ่ม” นายพิริยะ ระบุ
สำหรับรายละเอียดการจัดงาน “ทุเรียน บุฟเฟ่ต์” ของบิ๊กซี ราชดำริ ระหว่างวันที่ 4-7 พ.ค.นี้ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป แบ่งเป็นวันละ 6 รอบ รอบละ 45 นาที ใน 1 รอบ สามารถรองรับลูกค้าได้ไม่เกิน 100 ท่าน โดยคิดราคาท่านละ 399 บาท ลูกค้าสามารถซื้อบัตรเข้ารับประทานบุฟเฟ่ต์ผลไม้ได้ที่บริเวณหน้างาน เพราะไม่มีการเปิดรับจองล่วงหน้า ไม่มีการจองข้ามวัน ขอรับแต่ลูกค้าวอล์กอินเท่านั้น
“การจัดงานบุฟเฟ่ต์ผลไม้ในปีนี้ แม้บิ๊กซีจะจัดเป็นครั้งแรก แต่ที่ผ่านมามีประสบการณ์ในการขายตรง จึงทำให้ทราบถึงตัวเลขของความต้องการซื้อในแต่ละวัน ฉะนั้น จึงมีการประเมินไว้ว่า ทุเรียนที่จะนำมารองรับงานครั้งนี้ จะไม่ต่ำกว่าวันละ 2-3 ตัน จึงมั่นใจได้ว่าผลไม้โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็นไฮไลต์ของงานนั้น มีเพียงพอกับความต้องการของลูกค้าอย่างแน่นอน” ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายจัดซื้อสินค้าประเภทอาหารสด บิ๊กซี กล่าวส่งท้าย