‘พีพี’ สร้างปวศ. มี.ค.เดือนเดียวเก็บรายได้ 70.7 ล้าน วางทุ่นรักษาปะการัง 115 ลูก สำรวจอ่าวมาหยาเตรียมปิดพื้นที่ปีหน้า

วันที่ 25 เมษายน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ แถลงข่าว การใช้จ่ายเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ พร้อมทั้งโครงการติดตั้งทุ่นจอดเรือในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ โดยมีนายสุพจน์ เพริดพริ้ง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) นายณัฐพล รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเล นายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี ให้การต้อนรับ ณ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เกาะพีพีดอน ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่

นายธัญญา กล่าวว่า พื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพราะมีความสวยงามของท้องทะเล หาดทราย ปะการัง และความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ มีพื้นที่ 242,437 ไร่ โดยในปีงบประมาณพ.ศ.2559 มีจำนวนนักท่องเที่ยวถึง 1,732,689 คน ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวมากที่สุดในประเทศไทย และมีรายได้มากที่สุด ปี 2560 มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 50 ล้าน โดยในเดือนมีนาคมสร้างรายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเก็บเงินรายได้อุทยานคือ เดือนเดียวเก็บได้ 70.7 ล้านบาท

นายธัญญา กล่าวว่า เนื่องจากอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เป็นอุทยานแห่งชาติที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ประกอบกับขณะนี้แนวปะการังในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หลายแห่ง เช่น บริเวณอ่าวมาหยา อ่าวปิเละ อ่าวโละชามะ อ่าวสามหาด อ่าวลิง อ่าวรันตี อ่าวผักหนาม อ่าวโละลานา เกาะไม้ไผ่ หินกลาง เกาะปอดะ ทะเลแหวก เป็นต้น มีสภาพเสื่อมโทรมลง สาเหตุหลักๆเกิดจากธรรมชาติ ได้แก่ ปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาว และเกิดจากการท่องเที่ยว ได้แก่ จำนวนเรือ และนักท่องเที่ยวที่มีมากเกินขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่ การทิ้งสมอเรือในแนวปะการัง นักท่องเที่ยวให้อาหารปลา และยืนเหยียบหัก จับปะการัง ตลอดจนการลักลอบจับปลาในแนวปะการัง การเก็บหอยมือเสือเพื่อเอาเนื้อไปขายให้แก่นักท่องเที่ยว ล้วนเป็นสาเหตุให้แนวปะการังมีสภาพเสื่อมโทรมลง กรมอุทยานฯ จึงสนับสนุนงบประมาณจากงบเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ.2559 – 2560 เป็นเงิน 128,464,917 บาท เพื่อนำมาพัฒนาอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีในหลายมิติ ทั้งในด้านการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว การดูแลคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานตามเกาะต่างๆ การเพิ่มทักษะ องค์ความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อให้สามารถปฎิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อนำมาพัฒนาอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ดำเนินการดังนี้ ได้แก่ การติดตั้งทุ่นจอดเรือ จำนวน 115 ลูก เป็นทุ่นจอดเรือขนาดใหญ่ 25 ลูก ทุ่นจอดเรือขนาดกลาง 90 ลูก และทุ่นไข่ปลา 60 ชุด ความยาวรวม 3,000 เมตร เพื่อป้องกันรักษาแนวปะการังและเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวขณะดำน้ำดูปะการัง จัดซื้อเรือยนต์ตรวจการณ์ ขนาด 37 ฟุต จำนวน 1 ลำ ขนาด 27 ฟุต จำนวน 1 ลำ เรือยางท้องแข็ง จำนวน 4 ลำ เรืออลูมิเนียม จำนวน 2 ลำ เรือหัวโทงไฟเบอร์กลาส จำนวน 4 ลำ จัดซื้อรถยนต์ 5 คัน รถบรรทุกขยะ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน เพื่อใช้ในการตรวจตราลาดตระเวนป้องกันการกระทำผิดในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ อีกทั้งเพื่ออำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยของนักนักท่องเที่ยว ตามโครงการ “ใครผิด เราจับ” “นายธัญญา กล่าว

นายธัญญา กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการจัดซื้ออุปกรณ์ดำน้ำลึก จำนวน 6 ชุด เพื่อใช้ในการติดตามสถานภาพทรัพยากรและการติดตั้งซ่อมแซมทุ่นจอดเรือ จัดซื้ออุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ ก่อสร้างห้องน้ำ ห้องสุขา เพื่อบริการนักท่องเที่ยว และก่อสร้างบ้านพักเจ้าหน้าที่ซึ่งปัจจุบันอยู่กันอย่างยากลำบาก จัดทำป้ายสื่อความหมาย แผ่นพับ นิทรรศการ เพื่อให้ความรู้ ข้อมูลข่าวสารกับนักท่องเที่ยว ตลอดจนจัดฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่เจ้าหน้าที่ เช่น การอบรมนักปฎิบัติการใต้น้ำและกู้ภัยทางทะเล เป็นต้น ซึ่งบางกิจกรรมดำเนินการจัดซื้อ จัดจ้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่บางกิจกรรมนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการ

นายธัญญา กล่าวว่า เร็วๆนี้จะมีการปรับปรุงระบบการจัดเก็บตั๋ว เป็นระบบตั๋วอิเล็คทรอนิคเพื่อแก้ปัญหาการทุจริตตั๋วเวียน นำร่องที่หมู่เกาะสุรินทร์ อ่าวพังงา และหมู่เกาะพีพี รวมทั้งสำรวจพื้นที่ อ่าวมาหยา เพื่อเตรียมการปิดเกาะฟื้นฟูพื้นที่ในปีหน้า

 

ที่มา มติชนออนไลน์