ตร.สนธิกำลัง บุกโรงแรมดังอบรมไกด์เถื่อน ผู้เข้าร่วมนับ 100 นำสินค้าขายทัวร์มาพรีเซนต์

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 เมษายน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. , พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท.บช.ก. ,พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. ,พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.ทท. , พ.ต.อ.ธนรัฐ รุ่งโรจน์ดี ผกก.2 บก.ปคบ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ191 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่ตร.บก.ปคบ. กรมการท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.วังทองหลาง และเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน 1 รอ.) ร่วมกันเข้าตรวจสอบภายในห้อง เดอะ ออเคสตร้า บอลลูม ชั้น2 โรงแรมแจ๊สโซเทล ถนนประชาอุทิศ แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการจัดอบรมไกด์เถื่อน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการอบรมดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เป็นคนไทย จำนวน 60 คน เป็นต่างชาติ จำนวน 78 คน ประกอบด้วยสัญชาติ จีน มาเลเซีย กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ รวมผู้เข้าอบรมทั้งหมด 138 คน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังได้รับการร้องเรียน เจ้าหน้าที่จึงหาเบาะแส ซึ่งทราบว่าวันนี้จะมีการจัดอบรมขึ้น จึงสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประมาณ 50 นาย เข้าตรวจสอบจนพบว่ามีการจัดงานขึ้นจริงเป็นเวลา 2 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานมีการจัดอบรมเกี่ยวกับการขายสินค้า ประเภทเจลล้างหน้า กาแฟ หมอนยางพารา ครีมทาผิว ฯลฯ ซึ่งเป็นสินค้าตัวอย่างที่จะนำมาขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและจัดอบรมเกี่ยวกับทัวร์การเป็นมัคคุเทศก์ อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบพาสปอตของผู้เข้าอบรมที่เป็นต่างด้าวส่วนใหญ่พบว่า ถือพาสปอตจริง ซึ่งระบุเป็นวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยว และนักเรียน ทั้งนี้ตามกฎหมายแล้ว กลุ่มคนต่างด้าวไม่สามารถเข้ามาประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ได้ เนื่องจากตามกฎหมาย อาชีพมัคคุเทศก์เป็นอาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น และจากการตรวจสอบพบว่าผู้อบรมจะต้องจ่ายค่าใช้จ่าย คนละ 2000 บาท และมีการเก็บโทรศัพท์มือถือผู้เข้าอบรมไว้ด้วย เพื่อป้องกันการบันทึกภาพ

จากการสอบสวนเบื้องต้น โดยนางสิริกร ธนชัยพรสกุล อายุ 53 ปี ผู้จัดงานอ้างว่า ไม่ได้เป็นการจัดสัมนาเกี่ยวกับมัคคุเทศก์ แต่เป็นการเชิญมารับประทานอาหารหลังเทศกาลสงกรานต์ ส่วนสินค้าที่นำมาในงาน รับว่าเป็นสินค้าของตนจริงโดยนำมาเพื่อกระจายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในประเทศ


อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบพาสปอร์ตของกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอบรม ว่ามีเอกสารที่เข้ามาถูกต้องหรือไม่ เบื้องต้นพบว่า มีคนจีนบางส่วนไม่มีใบอนุญาต และอยู่เกินกำหนด (โอเวอร์สเตย์) ซึ่งจะนำตัวส่งไปสน.วังทองหลาง เพื่อบันทึกข้อมูลก่อนนำตัวส่ง สตม.เพื่อผลักดันออกนอกประเทศต่อไป และในส่วนผู้ที่มีใบอนุญาตถูกต้อง จะทำบันทึกและปล่อยตัวไป โดยห้ามออกนอกประเทศจนกว่าการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น ส่วนคนไทยจะมีการลงประวัติและปล่อยตัวไปเช่นกัน
เเต่ในส่วนของสินค้าที่ไม่ติดสลากที่เราตรวจค้นเจอนั้นถือเป็นความผิดซึ่งหน้า เราก็สามารถที่จะดำเนินคดีกับผู้จัดาินค้าดังกล่าวในงานได้เลย

ด้าน พล.ต.ต.ประเสริฐ กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบวันนี้ได้ตรวจยึดเอกสารที่ใช้ในการสัมนา ที่เป็นภาษาจีน โดยจะนำข้อความในเอกสารทั้งหมดไปแปลเป็นภาษาไทย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ2วัน หากพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายในมาตราใดเพิ่มเติมก็จะไม่ละเว้น

นอกจากนี้ในส่วนของสินค้าภายในงานจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ปคบ. พบว่าสินค้าไม่มีใบอนุญาตจาก อย. และไม่มีที่อยู่ แหล่งผลิต ที่ชัดเจน ซึ่งจะถูกยึดไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นหากตรวจสอบพบว่าบุคคลใดกระทำความผิดทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเเจ้งข้อหา ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน เป็นนายจ้างที่ว่าจ้างคนงานต่างด้าว โดยนายจ้างไม่ได้ไปขึ้นทะเบียนขออนุญาตใช้แรงงาน , เป็นบุคคลต่างด้างเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต , เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต (มัคคุเทศก์) ทำหน้าที่มัคคุเทศก์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ฉบับที่ 2 ปี 2541 ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ที่มา มติชนออนไลน์