ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
นางวรรณภรณ์ เกตุทัต รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวตอนหนึ่งในพิธีเปิดโครงการ”เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์” เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่โรงแรมเบสท์เวสเทิร์นพลัส ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. ว่า จัดขึ้นเป็นครั้งที่9 แล้ว โดยในปีนี้เน้นธุรกิจภาคบริการ ซึ่งเป็นธุรกิจสำคัญที่ทำรายได้เข้าประเทศ ที่ผ่านมาโครงการนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้มากกว่า1,468 ล้านบาท การจัดครั้งนี้ได้คัดเลือกผู้ประกอบการธุรกิจบริการจำนวน 20 ราย เข้าร่วม เพื่อให้ทราบถึงแนวทางการบริหารจัดการองค์กรในยุคที่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่THAILAND 4.0
นางวรรณภรณ์กล่าวว่า เศรษฐกิจของโลกทุกวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของการบริหารประเทศของผู้นำในต่างประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอนของการเมืองของประเทศคู่ค้าของไทย ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้อมีการหาแนวทางหรือกลยุทธ์ใหม่ๆ ในการรักษาฐานลูกค้าเดิม รวมทั้งการหาลูกค้าใหม่ในกลุ่มประเทศตลาดใหม่ และการนำระบบสารสนเทศเข้ามาบริหารจัดการ โดยรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาดและการบริหารจัดการต้นทุนภายในองค์กร ให้สามารถเข่งขันกับคู่แข่งทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ ตลอดจนสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ
“ขั้นแรกเจ้าของสถานประกอบการจะต้องเปิดใจให้กว้างก่อน และยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมาก ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ มีหลายวิธี สิ่งสำคัญคือต้องลดขั้นตอนการทำงาน การขนส่งต่างๆ อันจะเป็นการเพิ่มรายได้ไปในตัว”รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวและว่า ปัจจุบันสถาบันการศึกษาหลายแห่งให้ความสำคัญกับเรื่องโลจิสติกส์มีการเปิดสอนหลายแห่ง อย่างเช่นที่จุฬาฯ อย่างไรก็ตามแม้หลายบริษัทอาจไม่ยังไม่มีบุคลากรที่เรียนจบทางด้านโลจิสติกส์โดยตรง แต่หากมีความรู้ความเข้าใจเรื่องพวกนี้จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ เพราะสามารถลดต้นทุนได้
นางวรรณภรณ์ เกตุทัต รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวตอนหนึ่งในพิธีเปิดโครงการ”เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์” เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่โรงแรมเบสท์เวสเทิร์นพลัส ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. ว่า จัดขึ้นเป็นครั้งที่9 แล้ว โดยในปีนี้เน้นธุรกิจภาคบริการ ซึ่งเป็นธุรกิจสำคัญที่ทำรายได้เข้าประเทศ ที่ผ่านมาโครงการนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้มากกว่า1,468 ล้านบาท การจัดครั้งนี้ได้คัดเลือกผู้ประกอบการธุรกิจบริการจำนวน 20 ราย เข้าร่วม เพื่อให้ทราบถึงแนวทางการบริหารจัดการองค์กรในยุคที่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่THAILAND 4.0
นางวรรณภรณ์กล่าวว่า เศรษฐกิจของโลกทุกวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของการบริหารประเทศของผู้นำในต่างประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอนของการเมืองของประเทศคู่ค้าของไทย ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้อมีการหาแนวทางหรือกลยุทธ์ใหม่ๆ ในการรักษาฐานลูกค้าเดิม รวมทั้งการหาลูกค้าใหม่ในกลุ่มประเทศตลาดใหม่ และการนำระบบสารสนเทศเข้ามาบริหารจัดการ โดยรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาดและการบริหารจัดการต้นทุนภายในองค์กร ให้สามารถเข่งขันกับคู่แข่งทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ ตลอดจนสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ
“ขั้นแรกเจ้าของสถานประกอบการจะต้องเปิดใจให้กว้างก่อน และยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมาก ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ มีหลายวิธี สิ่งสำคัญคือต้องลดขั้นตอนการทำงาน การขนส่งต่างๆ อันจะเป็นการเพิ่มรายได้ไปในตัว”รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวและว่า ปัจจุบันสถาบันการศึกษาหลายแห่งให้ความสำคัญกับเรื่องโลจิสติกส์มีการเปิดสอนหลายแห่ง อย่างเช่นที่จุฬาฯ อย่างไรก็ตามแม้หลายบริษัทอาจไม่ยังไม่มีบุคลากรที่เรียนจบทางด้านโลจิสติกส์โดยตรง แต่หากมีความรู้ความเข้าใจเรื่องพวกนี้จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ เพราะสามารถลดต้นทุนได้