ออกหมายจับน.ต.แพทย์หญิง ตุ๋นเหยื่อ ลงทุนบริษัททัวร์ กว่า60ล. แฉเผ่นนอกแล้ว

จากกรณี เรืออากาศโทแพทย์หญิงนิจชา รุทธพิชัยรักษ์ อายุ 30 ปี แพทย์รพ.รัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมผู้เสียหายซึ่งมีอาชีพเป็น แพทย์ วิศวกร ทหาร สจ๊วต และอาจารย์มหาวิทยาลัย กว่า 10 คน รวมตัวกันเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อเอาผิดกับว่าที่นาวาตรีแพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในข้อหาฉ้อโกง หลังถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง มีผู้เสียหายกว่า 38 คน รวมมูลค่าเสียหายกว่า 64 ล้านบาท โดยอ้างว่าหากลงทุนแล้วจะได้รับผลตอบแทนสูงร้อยละ 6-18 ต่อเดือน แต่พอลงทุนจริงกลับไม่ได้รับผลตอบแทนทุกเดือนตามที่กล่าวอ้าง ก่อนที่ต่อมาทางพนักงานสอบสวน บก.ป.จะแนะนำให้ไปแจ้งความที่บก.ปอศ. เนื่องจากเป็นการฉ้อโกงเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 เม.ย. พ.ต.อ.ปภัชเดช เกตุพันธ์ รอง ผบก.ปอศ. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอศ.สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ บก.ป. (คอมมานโด) เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเสาธง นำหมายค้นศาลจังหวัดตลิ่งชัน เข้าทำการตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 18 ซอยพัฒนา 6 ถนนพัฒนา แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน เพื่อตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ภายหลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านพักของ น.ต.แพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งผู้ถูกกล่าวหา

จากการตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าวพบมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด พื้นที่ประมาณ 50 ตารางวา ภายในบ้านไม่มีผู้อยู่อาศัย เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญเพื่อนบ้านมาเข้าร่วมในการตรวจค้นเพื่อเป็นพยาน ทั้งนี้จากการตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าวไม่พบเอกสารหลักฐานต่างๆเกี่ยวกับคดีเนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายสิ่งของมีค่ารวมถึงเอกสารสำคัญต่างๆภายในบ้านออกจนหมด เหลือเพียง เสื้อผ้า รองเท้าและของใช้บางอย่าง

 

พ.ต.อ.ปภัชเดช กล่าวว่า สำหรับการตรวจค้นในวันนี้ก็เพื่อต้องการหาหลักฐานเอกสารบางอย่างเพิ่มเติม หลังจากสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านพักของแพทย์หญิงผู้ถูกกล่าวหาและนายโจ้ ไม่ทราบชื่อนามสกุลแฟนหนุ่มและมีการเปิดใช้เป็นสำนักงานบริษัททัวร์ (วี สยาม เอเจนซี่ จำกัด) ที่ใช้ในการหลอกลวงตบตาเหยื่อตามคำให้การของกลุ่มผู้เสียหาย อย่างไรก็ตามจากการตรวจค้นไม่พบเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีใดๆ เนื่องจากสิ่งของสำคัญต่างๆภายในบ้านถูกขนย้ายออกไปก่อนหน้านี้หมดแล้ว แต่พบว่าภายในบ้านดังกล่าวมีการตกแต่งห้องพักให้คล้ายกับสำนักงานออฟฟิศ ทั้งนี้เมื่อสอบถามเพื่อนบ้านและผู้คนที่อยู่ในละแวกข้างเคียงทราบว่า ไม่พบเห็น แพทย์หญิงและแฟนหนุ่ม กลับเข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าวได้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ก่อนหน้านี้แล้ว โดยปกติแล้วที่บ้านหลังดังกล่าวจะมีรถยนต์จอดอยู่ภายในบ้านและบริเวณหน้าบ้านจำนวน 5 คัน

พ.ต.อ.ปภัชเดช กล่าวว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้า ออก ระหว่างประเทศของแพทย์หญิงพบว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศพร้อมกับบุคคลภายในครอบครัวไปยังประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งแต่เมื่อช่วงก่อนเทศสงกรานต์ ซึ่งคาดว่าแพทย์หญิงคนดังกล่าวอาจจะเริ่มรู้ตัวว่าอาจจะถูกดำเนินคดีหลังเห็นข่าวคดีฉ้อโกงของซินแสโชกุน กลายเป็นข่าวครึกโครม อย่างไรก็ตามในส่วนของการดำเนินคดีนั้นขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ข้อหาฉ้อโกงประชาชน จำนวน 3 คน ประกอบด้วย แพทย์หญิง นายโจ้ ซึ่งเป็นแฟนหนุ่ม และนางผ่องพรรณ ไม่ทราบนามสกุล หลังพยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้เชื่อว่าทั้ง 3 คนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดชัดเจน

รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดศาลอาญา อนุมัติหมายจับเลขที่ จ.977/2560 ให้จับกุมน.ส.พรรณรัตน์ จันทรมณี หรือว่าที่นาวาตรีแพทย์หญิง พรรณรัตน์ จันทรมณี ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเวินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และพวกรวม 3 คน โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่าว่าที่นาวาตรีแพทย์หญิงคนดังกล่าวเดินทางไปยังต่างประเทศแล้ว ขณะที่พวกที่เหลือตำรวจอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว