ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
นายแมทธิว พลวัต ณ นคร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด พอร์ต ตะโกลา ยอร์ช มารีน่า แอนด์โบ๊ดยาร์ด จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังลงทุนสร้างท่าเรือ (มารีน่า) แห่งใหม่ที่จังหวัดกระบี่บนพื้นที่ 70 ไร่ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมเรือยอร์ชและซูเปอร์ยอร์ชในภูมิภาค โดยโครงการก่อสร้างมารีน่าจะใช้งบลงทุน 480 ล้านบาท เป็นงบลงทุนที่ยังไม่รวมค่าที่ดิน แบ่งเป็นการลงทุน ระยะที่ 1 ใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างที่จอดเรือยอร์ชและซูเปอร์ยอร์ชขนาด 30 เมตรขึ้นไป โดยได้เปิดให้บริการแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 และระยะที่ 2 เป็นการลงทุนต่อเนื่องจากระยะแรก ใช้งบลงทุนประมาณ 280 ล้านบาท สามารถรองรับเรือยอร์ชและซูเปอร์ยอร์ชได้ประมาณ 280 ลำ ซึ่งคาดว่าโครงการก่อสร่างนี้จะทำให้ไทยมีมารีน่าที่อยู่ติดพื้นดิน (อินแลนด์) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
“การก่อสร้างในขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 แต่มีปัญหาเรื่องร่องน้ำลึกไม่พอสำหรับการเดินเรือที่จะต้องมีน้ำลึกอย่างน้อย 3 เมตร ทำให้ต้องดำเนินการขุดร่องน้ำเพิ่ม ซึ่งก่อนที่จะดำเนินการขุดลอกร่องน้ำเพิ่มบริเวณปากทางเข้ามารีน่าทางโครงการได้ทำหนังสืออนุญาตต่อทางราชการแล้ว แต่ปรากฏว่ากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แจ้งว่าทางโครงการกำลังบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน ต้องตรวจสอบอีกครั้ง จึงทำให้เรื่องยังคาราคาซัง” นายแมทธิวกล่าว
นายแมทธิวกล่าวว่า การก่อสร้างโครงการก็ต้องดำเนินการต่อตามสภาพ อาทิ การให้เรือเข้า-ออก เฉพาะเวลาน้ำขึ้น หรือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในส่วนอื่นไปก่อน อาทิ จุดชาร์จไฟ และอยากให้ทางรัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมายที่ไม่รัดกุม เพราะทางรัฐบาลก็มียุทธศาสตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำอยู่แล้ว ประกอบกับศักยภาพของกระบี่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะสัญลักษณ์การเป็นแลนด์มาร์คเมืองตากอากาศของกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน (ไฮเอนด์) ที่นิยมการท่องเที่ยวทางเรือ รวมถึงปัจจัยเส้นทางการเดินเรืออันดามัน ในเส้นทางภูเก็ต-ลังกาวี มีการเดินเรือประมาณ 1,200 ลำต่อวัน ประกอบกับศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมเรือยอร์ชในกระบี่ที่สามารถแข่งขันกับมารีน่าอื่นๆ ในภูมิภาคได้ อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์