16 มกรา ‘วันอาหารรสเผ็ดร้อนสากล’ รวม 3 ร้านเด็ดเผ็ดซี้ดในไทย ชูรสชาติพริกปรุงเมนูสะเทือนต่อมรับรส!

16 มกรา ‘วันอาหารรสเผ็ดร้อนสากล’ รวม 3 ร้านเด็ดเผ็ดซี้ดในไทย ชูรสชาติพริกปรุงเมนูสะเทือนต่อมรับรส!

16 มกราคม ไม่ใช่วันหวยออก แต่เป็นวันครู และ ‘วันอาหารรสเผ็ดร้อนสากล’ หรือ International Hot and Spicy Food Day นั่นเอง เพื่อให้คนที่ชื่นชอบอาหารรสชาติเผ็ดร้อน รวมถึงคนทั่วโลกได้เรียนรู้ถึงความเเตกต่างของอาหารเผ็ดร้อนจากหลายประเทศ

แต่รู้หรือไม่ว่าผู้คนในอเมริกากลาง (Meso America) กินพริกกันนานกว่า 7,000 ปีก่อนคริสตกาล ส่วนคนไทยเริ่มกินพริกกันมาประมาณ 400 กว่าปีเท่านั้น จากนั้นวิวัฒนาการอาหารได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในทุกสังคมมนุษย์ถึงปัจจุบัน

โดย ‘พริกเผ็ดที่สุดในโลก’ ที่กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด รับรองให้ นั่นคือ ‘เปปเปอร์ เอ็กซ์’ (PepperX) เป็นพริกที่เผ็ดที่สุดในโลกระดับ 2.693 ล้านสกอวิลล์ ซึ่งเป็นหน่วยวัดระดับความเผ็ด เพาะพันธุ์โดยเอ็ด เคอร์รี ที่ใช้เวลานานกว่า 10 ปี

โค่นแชมป์เก่าอย่างพริกสายพันธุ์แคโรไลนา รีเปอร์ ซึ่งมีความเผ็ดที่ระดับ 1.64 ล้านสกอวิลล์ (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2566)

ส่วน ‘พริกเผ็ดที่สุดในไทย’ ได้แก่ พริกขี้หนูสวน, พริกขี้หนู, พริกจินดา, พริกชี้ฟ้า, พริกหนุ่ม, พริกมัน, พริกสิงคโปร์, พริกหยวก, พริกบางช้าง และพริกยักษ์

โดยการนำพริกมาปรุงอาหารนั้นก็มีหลากหลาย ยกตัวอย่าง 

‘จิตสดชื่น’ ร้านที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นกะเพราอร่อยอันดับ 2 ของโลก จากการแข่งขัน WORLD KAPHRAO THAILAND GRAND PRIX 2023 เมนูเด็ดของร้านนี้คือ กะเพรากายละเอียด โดดเด่นเรื่องความจัดจ้านและความเผ็ดร้อน 

เพราะ คุณแบงค์-ปภากร นิยมทรัพย์ เจ้าของร้าน เลือกใช้คาแร็กเตอร์ความเผ็ดของพริกมาทำให้เมนูนี้มีมิติมากขึ้น ซึ่งใช้พริกถึง 5 ชนิด ได้แก่ พริกชี้ฟ้าเหลือง พริกชี้ฟ้าแดง พริกขี้หนูสวน พริกกะเหรี่ยงแห้ง และพริกไทยดำ 

โดยใช้พริกชี้ฟ้าเหลืองกับพริกชี้ฟ้าแดง เพื่อดึงรสหวาน เผ็ด เปรี้ยว และสีสันจากเปลือกผิว พริกขี้หนูสวน ช่วยเพิ่มความหอมแบบธรรมชาติ พริกกะเหรี่ยงแห้ง ช่วยเพิ่มความเผ็ด ส่วนพริกไทย เมื่อทานเข้าไปจะช่วยคงความเผ็ดร้อนในปาก

หรือ ‘เผ็ดมาร์ค’ ร้านกะเพราชื่อดัง ก็ใช้พริกมากถึง 5 ชนิด ซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นพริกชนิดไหนบ้าง โดยกว่าจะคัดสรรได้ทางร้านลองพริกกันเป็นสิบชนิดกว่าจะได้พริกที่ใช่นำมาปรุงกะเพราจนได้รสชาติเผ็ดร้อนและจัดจ้านเช่นกัน 

โดยมีความเผ็ดให้เลือก 5 ระดับ 1. ไม่เผ็ด 2. เผ็ดน้อยมาร์ค 3. เผ็ดน้อย 4. เผ็ดกลาง และ 5. เผ็ดมาร์ค เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม

และอีกหนึ่งร้านคือ ‘เผ็ดเผ็ด’ ร้านอาหารอีสานที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ด้วยรสชาติจัดจ้านสมชื่อ ทดลองสูตรโดย คุณต้อม-ณัฐพงศ์ แซ่หู อย่างส้มตำ 1 จานจะทดลองสูตรประมาณ 30-40 ครก เพื่อหารสชาติที่ดีที่สุด และมีความเผ็ดให้เลือกถึง 5 ระดับ ตั้งแต่ไม่มีพริกไปจนถึงเผ็ดที่สุด คือใส่พริก 100 เม็ด รวมถึงความใส่ใจในเรื่องวัตถุดิบที่ทำเองทุกอย่าง ทั้ง กะปิ น้ำปลา ปลาร้า เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงอาหารรสเผ็ด เมื่อต้นปี 2567 เว็บไซต์ข่าว CNN ได้มีการจัดอันดับ ‘20 อาหารรสเผ็ดดีที่สุดในโลก’ โดยมีอาหารไทยติดอันดับถึง 2 เมนู 

สำหรับอันดับ 1 ได้แก่ ซุปเอกูซี (Egusi soup) จากไนจีเรีย ตามมาด้วย หม้อไฟเสฉวน จากจีน, ส้มตำ จากไทย, ไก่พิริ-พิริ (ไก่ย่างสไตล์แอฟริกัน) จากโมซัมบิก และแองโกลา, หมูสามชั้นตุ๋นของประธานเหมา จากจีน, ไก่-หมูกระตุก จากจาเมกา, อายัม เบตูตู จากอินโดนีเซีย, ปีกไก่บัฟฟาโล จากสหรัฐฯ, อากัวชิเลกุ้ง จากเม็กซิโก และผัดกะเพรา จากไทย 

และหากทานอาหารแล้วเผ็ดมากๆ ลองมาดูวิธีแก้เผ็ดกันดีกว่า 

วิธีแรกคือ การดื่มนม เพราะในนมมีโปรตีนชื่อคาเซอิน (Casein) ซึ่งจะเข้ามาช่วยดูดซับสารแคปไซซิน (Capsaicin) ทำให้ความเผ็ดค่อยๆ หายไป 

กินข้าวหรือขนมปัง เพราะการทานแป้งสามารถเข้าไปดูดซับสารแคปไซซินได้

กินเกลือก็ช่วยได้ เพราะความเค็มของเกลือจะเข้าไปแทนที่ความเผ็ด 

กินน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง เพราะความหวานก็สามารถเอาชนะความเผ็ดได้เช่นกัน 

และทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของความเผ็ดร้อนรับเทรนด์ ‘วันอาหารรสเผ็ดร้อนสากล’ 

อ้างอิงข้อมูลจาก 

https://www.silpa-mag.com/history/article_32860 

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2733393 

https://www.sanook.com/women/252045/ 

https://krua.co/food_story/top10_thai_chilli_spicy 

https://www.youtube.com/watch?v=x7KWK1KxkHw&t=168s 

https://www.wongnai.com/news/phed-mark?ref=c 

https://spacebar.th/world/worlds-best-spicy-foods-20-dishes-to-try 

https://food.trueid.net/detail/35r9qRRqMDGp 

https://www.thaipower.co/passion-phed-phed-hey-thai-taste-hub/