เผยแพร่ |
---|
ด้วยบรรยากาศภายในประเทศ และกำลังซื้อด้านท่องเที่ยวที่ดีขึ้นในปีนี้ ทำให้สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) คาดการณ์ว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปต่างประเทศราว 7.5-7.7 ล้านคน เติบโต 7-10% จากปีที่แล้ว
โดยส่วนใหญ่ยังคงนิยมเดินทางไปจุดหมายระยะใกล้แถบเอเชีย ซึ่งต่างให้ความสำคัญ และโฟกัสทำตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างเต็มที่
“ศุภฤกษ์ ศูรางกูร” นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) บอกว่า “ญี่ปุ่น” ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่ทำตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยได้อย่างโดดเด่น โดยองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละท้องถิ่นของญี่ปุ่น ต่างโหมโปรโมต แนะนำแหล่งท่องเที่ยวและจุดขายในพื้นที่ตัวเองทำให้นักท่องเที่ยวไทยได้รู้จักเมืองใหม่ที่น่าสนใจมากขึ้น เช่น ฮิโรซากิ และอาโอโมริ
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งชูจุดขายแหล่งท่องเที่ยวในชนบท สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ยังสามารถชมดอกซากุระและหิมะได้ในทริปเดียวอีกด้วย
“ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวทัวร์ขาออกหรือเอาต์บาวนด์ ในไทยยังแข่งขันกันด้านราคาแพ็กเกจทัวร์สูงมาก ทำให้นักท่องเที่ยวไทยได้แพ็กเกจทัวร์ในราคาคุ้มค่าโดยสมาคมคาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นถึง1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ซึ่งปิดตัวเลขไปที่ 9.01 แสนคน”
ขณะที่ “ไต้หวัน” หลังประกาศยกเว้นวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวไทยไปเมื่อ 1 สิงหาคม 2559 พำนักอยู่ในไต้หวันได้ไม่เกิน 30 วัน พบว่ายอดนักท่องเที่ยวไทยไปไต้หวันมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
โดยตัวเลขปี 2559 มีจำนวนอยู่ที่ 1.8-1.9 แสนคน เพิ่มขึ้นจาก 1.2 แสนคนของปีก่อน โดยสมาคมทีทีเอเอคาดว่าในปีนี้ มีแนวโน้มเห็นคนไทยเที่ยวไปไต้หวัน 3-3.5 แสนคน
และจากการสำรวจภาพรวมตลาดของ “ประชาชาติธุรกิจ” พบว่า จุดหมายในไต้หวันที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมไป ยังคงกระจุกตัวที่เมืองหลัก ๆ อย่างไทเป ไทจง และเกาสง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อาทิ อุทยานแห่งชาติทั้งภูเขาและทะเล โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่ผ่านมา
ได้โปรโมต “จุดขายใหม่” อย่างการเที่ยวชมดอกซากุระบาน ว่าสามารถเที่ยวชมที่ไต้หวันได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องไปเบียดเสียดผู้คนเหมือนที่ญี่ปุ่น
ส่วนจุดขายที่ยังครองใจนักท่องเที่ยวไทยอยู่คือ “อาหารการกิน” เพราะที่ไต้หวันมีตลาดกลางคืนกระจายทั่วทุกแห่ง เป็นไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกับคนไทย และรสชาติอาหารยังถูกปากมาก ๆ ขณะที่เรื่อง “ช็อปปิ้ง” พบว่านักท่องเที่ยวไทยยังนิยมซื้อสินค้าพวกรองเท้ากีฬา และอุปกรณ์ด้านไอที
นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าในอนาคตสัดส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง(เอฟไอที) มีแนวโน้มขยายตัวสูงมาก เพราะไต้หวันเป็นประเทศที่มีการเดินทางสะดวก โดยเฉพาะระบบขนส่งทางราง ทั้งรถไฟฟ้าภายในเมืองหลัก และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมือง
สำหรับ “เกาหลีใต้” ถือเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวไปกันมากอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอฟไอที ภาพรวมพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยในเกาหลี เริ่มมุ่งสู่การท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ และฉีกเส้นทางออกไปในชนบทมากขึ้น
ส่วนจุดขายใหม่ที่บริษัทนำเที่ยวในเกาหลีใต้หลาย ๆ แห่งงัดมาสู้กับญี่ปุ่น คือโปรแกรมชมดอกซากุระบาน อย่างเช่นที่ถนนยออีโด ในกรุงโซล ซึ่งมีซากุระราว 1,600 ต้น บานอยู่รอบ ๆ อาคารรัฐสภา นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวไทยส่วนหนึ่งยังสนใจเที่ยวตามรอยซีรีส์เกาหลีชื่อดัง “ก็อบลิน” เช่น หาดยองจิน, ซองลาปาร์ค สวนสาธารณะติดทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอินชอน และ Borinara Hagwon Farm ฟาร์มที่มีชื่อเสียงในการทำนาข้าวบาร์เลย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ และยังมีทุ่งดอกไม้หลากหลายชนิด และไฮไลต์ คือ ทุ่งดอกบัควีต ที่จะบานในช่วงตุลาคม-พฤศจิกายนของทุกปี
ด้านการท่องเที่ยวฮ่องกงก็ได้โปรโมตแหล่งท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด”20 สุดยอดสถานที่มงคล” ใน “ฮ่องกง” ที่ปรมาจารย์ด้านศาสตร์ฮวงจุ้ยแนะนำว่าจะช่วยส่งเสริมดวงชะตาให้ผู้ไปเยือนดีขึ้น ประกอบด้วย 12 สถานที่เสริมดวงสำหรับผู้ที่เกิดในแต่ละปี 12 นักษัตร และ 8 แหล่งเที่ยวสุดฮิตที่จะนำโชคให้นักท่องเที่ยว อาทิ เดอะ พีก, จุดชมวิวฮ่องกง สกาย 100 และเมอร์เรย์ เฮาส์ สแตนลีย์ รีพัลส์เบย์
ทั้งนี้ สถิติของนักท่องเที่ยวชาวไทยไปฮ่องกงเมื่อปี 2559 อยู่ที่ 5.94 แสนคน เพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน มากเป็นอันดับ 6 ของนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ (ชอร์ตฮอล) ทั้งหมด
ส่วน 5 อันดับแรก (ไม่รวมนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่) คือ ไต้หวัน 2.01 ล้านคน, เกาหลีใต้ 1.59 ล้านคน, ญี่ปุ่น 1.09 ล้านคน, ฟิลิปปินส์ 7.91 แสนคนและสิงคโปร์ 6.74 แสนคน
ไม่เพียงเท่านี้ “มาเลเซีย” เป็นอีกประเทศหนึ่งที่รุกทำการตลาดด้านการท่องเที่ยวอย่างหนักไม่แพ้ใคร โดยปีนี้การท่องเที่ยวมาเลเซียและการท่องเที่ยวปีนัง ได้จับมือพันธมิตรทั้งไทยและมาเลเซียตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยถึง 1.75 ล้านคนไปเปิดประสบการณ์ที่มาเลเซียในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับครอบครัว พร้อมนำเสนอกิจกรรมสร้างประสบการณ์ที่หลากหลาย
และเน้นจุดขายคือ “เมืองปีนัง” ไข่มุกแห่งเอเชียที่คว้ารางวัล 1 ใน 10 เกาะที่คุณต้องไปเยือนในปี 2016 โดย CNN Travel โดยช่วงมกราคม-ตุลาคม 2559 มาเลเซียต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 1.47 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.4% จาก 1.09 ล้านคนในปี 2558ที่สำคัญ จำนวนนักท่องเที่ยวไทยโตทะลุเป็นอันดับ 1 จากจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวม
ทั้งหมดนี้เป็นกลยุทธ์การทำการตลาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยให้เป็นการเยือนของประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ในบางส่วนเท่านั้น…
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์