ข่าววันนี้

ขนส่งฯ ลงดาบบริษัททัวร์ ขายตั๋ววีไอพี แต่แจกเสื่อให้นอนพื้น ต้องทนเหม็นห้องน้ำ

ผู้เขียนข่าวสดออนไลน์
เผยแพร่
ขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ไม่รอช้าลงดาบทันทีเชือด “บริษัทจักรพงษ์ทัวร์พร้อมคนขับรถ” คิดค่าตั๋วโดยสารแพงและรับผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่ง สั่งปรับ พักใบอนุญาตและหยุดเดินรถ ชั่วคราว รับเทศกาลสงกรานต์ หลังถูกร้องเรียนผ่านสื่อเฟสบุ๊คส่วนตัว ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการใช้บริการรถทัวร์โดยสารประจำทาง ขนาด 2 ชั้น ชนิด VIP ขนาด 30 ที่นั่ง ถือเป็นความผิดที่ร้ายแรง เตือนผู้ประกอบการให้บริการประชาชนด้วยความเที่ยงธรรมและสะดวกสูงสุด
จากกรณีที่มีผู้ใช้นามเพสบุ๊คว่า S Pank Thaksina ได้แชร์ข้อความ “#ช่วยแชร์หน่อย #นี่น่ะรึที่นั่ง V.I.Pข้าพเจ้า นั่งจากอุตรดิตถ์จะไปอุดร จักรพงษ์ทัวร์เล่นงานเข้าแล้ว ตอนซื้อตั๋วตอนหกโมงเย็น ทุกๆบริษัทเต็มหมด เดินไปเดินมามีป้าเรียกบอกไปอุดรใช่มั้ย บอกมีที่ว่าง เราก็เลยแปลกใจว่าว่างจริงหรอเลยถามกลับว่าไม่ใช่ที่นั่งเสริมใช่มั้ยคะ แกก็บอกว่าไม่ใช่ๆ มีที่ๆ แต่เราต้องไปขึ้นรถที่ปตท.สายเอเชียนะ รถเที่ยว 24.00 ถึงจะดึกเราก็ไม่มีปัญหา ตกลงเสร็จสรรพก็ซื้อตั๋วจ่ายเงิน 600 บาท จากที่เคยขึ้นเพรชประเสริฐแค่ 382 บาทเป็นประจำ ในใจคิด มันวีไอพีไงเลยแพงกว่า สรุปแล้ววีไอพีจริงๆคะ นั่งพื้นชั้นล่างของรถมีเสื่อ 1 ผืนและมีผ้าห่มให้ เราไม่ใช่คนเดียวที่โดนนะ มีอีกสองคนเป็นแฟนกัน เราบ่นตลอดทางเลย นอนไม่ได้ เหม็นห้องน้ำอีก น้ำตาไหลเลยคะ นอนร้องไห้ เป็นอะไรที่ทรมารที่สุด ใครเคยโดนแบบนี้บ้าง เล่าให้ฟังหน่อยคะ #ได้โปรดช่วยแชร์ #แชร์หนักๆ #คุณทำลายความรู้สึกฉัน #ฉันจะฟ้องคุณ”
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 เมษายน นางสาวณัฐชรดา อุไทยพจน์ ขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องร้องเรียน ผู้ใช้นามเฟสบุ๊ค S Pank Thaksina ร้องเรียนรถโดยสารประจำทางของ บริษัท จักรพงษ์ทัวร์ จำกัด เดินทางจากอุตรดิตถ์ไปอุดรธานี ในเที่ยวเวลา 24.00 น. ไม่มีที่นั่ง ต้องนั่งที่พื้นชั้นล่างข้างข้างห้องน้ำ มีเสื่อ 1 ผืนกับผ้าห่มให้นั้นทางสำนักงานขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงสั่งการให้ นายปราการ มสิกพรรค์ หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง พร้อมด้วย นายพีระยุทธ แขรั้ง นักวิชาการขนส่งชำนาญการ ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างรีบด่วน เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของประชาชนที่มาใช้บริการรถทัวร์โดยสารที่สถานีขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์
นางสาวณัฐชรดา กล่าวว่า ผู้ตรวจการประจำขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้ง 2 นาย ออกตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวทันที เมื่อวันที่ 5 เม.ย.60 เวลา 03.00 น. ทราบรายละเอียดว่า มีรถทัวร์โดยสารประจำทาง ขนาด 2 ชั้น ชนิด VIP ขนาด 30 ที่นั่ง เป็นรถหมวด 3 สายที่ 636 หนองคาย-อุดรธานี-เชียงใหม่ ทะเบียน 10-7945 อุดรธานี มาตรฐาน 4 ก มีนายสังเวียน ระโส ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถ ท.2 เลขที่ 3พร.00053/53 วันสิ้นอายุ 18 ก.ค.62 ทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถ
นางสาวณัฐชรดา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตรงกับวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา รถทัวร์โดยสารคันดังกล่าว ได้วิ่งรถออกจากสถานีขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เวลาประมาณ 19.30 น. มีผู้โดยสาร 27 คน และหยุดแวะรับที่ลำปาง 3 คน รวม 30 คนครบตามจำนวนที่นั่งแล้ว เมื่อถึงอุตรดิตถ์พื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เวลาประมาณ 24.00 น. ได้หยุดแวะรับผู้โดยสารที่ปั้ม ปตท. แยกช้างมาาวัวควาย พื้นที่ ต.ป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์ริมถนนสายเอเซียที่ 11 ขาล่อง- เด่นชัย-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก รับผู้โดยสารเพิ่มอีก จำนวน 3 คน โดยที่นั่งผู้โดยสารเต็มอยู่แล้ว ให้นั่งด้านหน้า ข้างคนขับ 2 คน และนั่งที่ชั้นล่างข้างห้องน้ำ 1 คน ซึ่งเป็นผู้ร้อง
นางสาวณัฐชรดา กล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนข้อเท็จจริงผู้ขับรถ ผู้ควบคุมประจำรถและนายท่าที่จำหน่ายตั๋ว ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามที่ถูกร้องเรียนจริง ทางขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิด ดังนี้ 1.นายสังเวียน ระโส ผู้ขับรถลงโทษปรับ 5,000 บาท ตาม ม.107,127 ฐานรับบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่ง พร้อมสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถเป็นเวลา 30 วัน 2.บริษัท จักรพงษ์ทัวร์ จำกัด ลงโทษปรับ 20,000 บาท ตามม.31(4),(7),131 ฐานไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข รับผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่งและคิดค่าอัตราค่าขนส่งโดยสารเกินราคา
” ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 15/2560 ข้อ 2(3) ได้ประสานกับขนส่งจังหวัดอุดรธานี ในฐานะนายทะเบียนรถท้องที่ลงโทษระงับการใช้รถเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15  วัน โดยขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้แจ้งผลการดำเนินการให้ผู้ร้องที่ใช้เฟสบุ๊คนามว่า S Pank Thaksina รับทราบแล้ว ซึ่งผู้ร้องมีความพึงพอใจและได้กล่าวขอบคุณที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการให้อย่างรวดเร็ว”
ขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า อยากฝากเตือนผู้ประกอบการรถโดยสารว่า การรับผู้โดยสารเกินจำนวนและจัดเก็บค่าโดยสารเกินราคาทีกำหนด ถือเป็นความผิดที่ร้ายแรง และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากมีโทษปรับที่สูงพร้อมถูกระงับการใช้รถหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ก่อให้เกิดผลเสียหายกับตัวผู้ประกอบการเอง อยากขอให้บริการด้วยความเที่ยงธรรมและความสะดวกสูงสุด แก่ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ