ผู้เขียน | ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
บริษัทสัญชาติอังกฤษผู้ผลิตรถหรู “แอสตัน มาร์ติน” ที่มี DB11 เป็นรุ่นเรือธง เปิดร้านเพื่อทำการขยายแบรนด์ไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยมีทั้งการผลิตเรือยอร์ช กระเป๋า และมีกระทั่งอสังหาริมทรัพย์อย่างอพาร์ทเมนต์
แม้แบรนด์ แอสตัน มาร์ติน จะรู้จักในความเป็นรถหรู ที่ปรากฎในภาพยนตร์ชุด เจมส์ บอนด์ กระทั่งเขยิบมาสู่การสร้างเรือยอร์ชจำหน่าย ล่าสุดแอสตัน มาร์ติน เปิดสโตร์แบบเอ็กซคลูซีฟในกรุงลอนดอน เดินตามรอยแบรนด์ดังทั่วโลก เพื่อจำหน่ายสินค้าลักเซอรี่อื่นๆ ซึ่งแอสตัน มาร์ติน วางสินค้าเชิงแฟชั่นทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า และที่สะดุดตาคือ แบรนด์รถดังทำรถเข็นเด็กวางขายด้วย ซึ่งสนนราคานั้นแพงระยับที่ 3,980 เหรียญสหรัฐ เรียกว่ารถเข็นเด็กเหยียบแสนบาทกันเลยทีเดียว
“แอนดี้ พาล์มเมอร์” ซีอีโอแอสตัน มาร์ติน ให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในวันเปิดชอปร้านหรูว่าจะดีแค่ไหนที่สามารถไปเทียบเรือหรู (ยอร์ช) แบรนด์แอสตันมาร์ตินที่ไหนสักแห่ง หรือพักในอพาร์ทเมนต์ แอสตัน มาร์ติน พร้อมขับรถแบรนด์เดียวกันนี้ ซึ่งเขามองว่าร้านนี้จะตอบสนองลูกค้าที่จงรักภักดีต่อแอสตัน มาร์ติน
ทั้งนี้ หลังการออกจากอียูของอังกฤษทำให้ธุรกิจสัญชาติอังกฤษต้องเร่งขยายตลาดไปนอกกลุ่มประเทศยุโรป เช่นกันกับแอสตัน มาร์ติน มีข้อจำกัดในแง่เพดานการจำหน่ายรถหรูของตัวเองที่ขายได้ราว 15 เปอร์เซ็นต์ในตลาดผู้ซื้อระดับบนของยุโรป และหวังจะขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงในจีน อเมริกา อินเดีย และกลุ่มประเทศอาหรับ ขณะเดียวกันบริษัทต้องปรับตัวจากการขายสินค้าเฉพาะทางไปแตกไลน์สินค้าหรูประเภทอื่นๆ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่หลายแบรนด์ดังทั่วโลกใช้กลยุทธ์นี้ เช่น แบรนด์รถหรูเฟอร์รารี่เองก็มีการเปิดตัวสินค้าแฟชั่นหรูแข่งขันด้านแฟชั่นกับแอร์เมส และปราด้า ดังนั้นการตัดสินใจเปิดร้านแบรนด์แอสตัน มาร์ติน เพื่อขยายตลาดผู้ซื้อ และต้องการกลับสู่หนทางแห่งกำไรให้ได้ในปี 2018