“อภิศักดิ์”เรียกปลัดคลัง-สศค.ถกมาตรการใหม่ช่วยเกษตรกร-ผู้มีรายได้น้อย30 มีค.นี้

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา “Policy Directions toward Thailand 4.0-ทิศทางของนโยบายเพื่อเข้าสู่ประเทศไทย 4.0” ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ว่า ในวันที่ 30 มีนาคมนี้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเรียกตนและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เพื่อหารือแนวทางใหม่และปรับปรุงแนวทางเดิมที่จะดูแลคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่พอสมควร โดยที่ผ่านมามีการช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งทำมากันทุกรัฐบาล จากนี้เราจะทำอย่างไรดังเช่นเกษตรกรของญี่ปุ่นและสหรัฐฯที่ร่ำรวย รัฐบาลเขามีมาตรการที่สนับสนุนอะไรบ้าง และมีอะไรที่ไทยยังไม่ได้ทำบ้าง โดยได้ให้ สศค.หาข้อมูล ว่าทำอย่างไรให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ ระบบอะไรที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้แน่นอนและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ยกตัวอย่างญี่ปุ่น เกษตรกรรายเล็กที่จะเปลี่ยนแแปลงเทคโนโลยีดั้งเดิมเป็นสมัยใหม่ ทางภาครัฐสนับสนุนดอกเบี้ย 0% ไทยก็จะนำมาประยุกต์ใช้ ให้คนไม่หนีจากภาคเกษตร จนใครๆ อยากเป็นเกษตรกร

“ปัจจุบันก็จะปรับปรุงระบบที่บกพร่อง เช่น การดูแลสถียรภาพราคาเกษตร ทำให้ตลาดกลางสินค้าเกษตรล่วงหน้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น หากได้ผลดีต่อไปไม่ต้องประกันราคาข้าว ความเสียหายของเกษตรกรก็จะไม่เป็นภาระ นอกจากนี้จะหากลไกดูแลที่เป็นแนวทางสากลยอมรับ เช่น ประกันพืชผลโดยใช้ภูมิอากาศ นอกจากนี้จะไปดูว่ากองทุนดูแลเกษตรกรที่มีอยู่ในปัจจุบันที่มีจำนวนมากมีความซ้ำซ้อนหรือไม่ และจะไปทำให้กองทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนดอกเบี้ยต่ำแก่เกษตรกรก็จะยังคงมี แต่อาจจะมีน้อยลง ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทำหน้าที่ เพราะยังมีเกษตรกรบางส่วนที่ยังต้องการส่วนนี้ สำหรับมาตรการเพิ่มเติมที่ชัดเจนจะออกมาอย่างไรนั้น ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ รอข้อสรุปจากที่ประชุมก่อน”นายสมชัยกล่าว

นายสมชัย กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายรายได้ให้ดีขึ้นตามลำดับ จากนี้เป็นการทำให้ดีขึ้นกว่านี้ให้พ้นประเทศกับดักรายได้ปานกลางและลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ดีขึ้น เป็นเกษตรกรสมัยใหม่ หรือ Smart Farmer กระทรวงคลังที่เกี่ยวข้องกับส่วนนี้ก็ใช้มาตรการทางการเงินและการคลังเสริมเข้าไป สำหรับมาตรการเฉพาะหน้าขณะนี้ คือ การเปิดลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย) ที่จะช่วยลดรายจ่าย ทั้งมีสวัสดิการลดค่าไฟ ค่าน้ำ รถเมล์-รถไฟฟรี เป็นต้น ส่วนมาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน ค่าประกันชีวิต 99 บาท จะมีตามมาในอนาคต โดยจะเปิดลงทะเบียนอีกครั้ง ในวันที่ 3 เมษายน-15 พฤษภาคม 2560 นี้

นายสมชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยไม่ได้เลวร้าย ดีกว่าปีปีที่ผ่านมา แต่รอเอกชนมาลงทุน โดยภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมลดหย่อนภาษี 1.5 เท่ากับเอกชนที่มาลงทุน อย่างระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ก็จะนำข้อหารือกับภาคเอกชน และเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อไป เพื่อหามาตรการดึงดูดการลงทุน ดันให้อีอีซีเป็นศูนย์กลาง(ฮับ)การลงทุนด้านการแพทย์และการศึกษา

นายสมชัย กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงนามบันทึกความร่วมมือ(เอ็มโอยู)แก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่จะเอื้ออำนวยแก่การทำธุรกิจของสตาร์ทอัพ รวมถึงเทคโลโลยีทางการเงิน(ฟินเทค) เพราะปัจจุบันกฎหมายบางตัวตามไม่ทัน คาดกฎหมายหลายฉบับที่มีการแก้ไขให้แล้วเสร็จจะรวบรวมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้ภายในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ขณะเดียวกันภายในสัปดาห์นี้จะหารือร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ในการเปิดกระดานหุ้นให้กับสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ คาดมีสตาร์ทอัพที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดฯเป็น 100 บริษัท ในเดือนกรกฎาคมปีนี้จะเห็นความชัดเจน และจะมีการเปิดตัวหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับสตาร์ทอัพในงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ ครั้งที่ 2 ที่เป็นงานระดับชาติ ในวันที่ 9-10 กรกฎาคม 2560

 

ที่มา มติชนออนไลน์