ค่าไฟฟ้าปลายปี 67 มีแนวโน้มพุ่ง หน่วยละ 20-40 สตางค์

ค่าไฟฟ้าปลายปี 67 มีแนวโน้มพุ่ง! หน่วยละ 20-40 สตางค์ จากค่าไฟงวดปัจจุบันอยู่ที่หน่วยละ 4.18 บาท

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมประชุมบอร์ดในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ หนึ่งในวาระสำคัญจะมีการพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที งวดใหม่ ก.ย. – ธ.ค. 67 เบื้องต้นคาดว่าจะต้องปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณหน่วยละ 20-40 สตางค์ จากค่าไฟงวดปัจจุบันอยู่ที่หน่วยละ 4.18 บาท

เนื่องจากหลายปัจจัยหลัก โดยเฉพาะการทยอยคืนชำระหนี้ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 98,000 ล้านบาท ซึ่ง กฟผ. มีภาระต้องจ่ายค่าดอกเบี้ย และยังมีหนี้ค่าเชื้อเพลิงที่ต้องทยอยคืนให้กับ บมจ.ปตท. ที่ได้รับภาระไปงวดก่อนหน้านี้ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงต่อเนื่อง กระทบกับราคาซื้อก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งแนวโน้มความต้องการก๊าซที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว ส่งผลให้ราคาในตลาดเพิ่มขึ้น จากหลายปัจจัยจึงทำให้ค่าเอฟทีงวดนี้มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น

ซึ่งหลังจากบอร์ด กกพ. มีมติรับทราบภาระต้นทุนการผลิตไฟฟ้า และเห็นชอบการคำนวณประมาณการค่าเอฟทีงวดสุดท้ายของปีแล้ว ขั้นตอนต่อไปทาง กกพ. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 3 ทางเลือกต่อไป

โดยกระบวนการทั้งหมดจะประกาศผลการพิจารณาก่อนสิ้นเดือน ก.ค. นี้ เพื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศค่าไฟใหม่ล่วงหน้า 1 เดือน

ถ้าดูจากปัจจัยหลายๆ อย่างแล้วต้องยอมรับว่า ค่าไฟงวดสุดท้ายของปี 2567 มีแนวโน้มปรับขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่ กฟผ. ไปกู้เงินมาช่วยประชาชนไปก่อน มีภาระต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยงวดละหลายร้อยล้านบาทแล้ว หากยิ่งชำระคืนหนี้ให้ กฟผ. ช้า จะยิ่งทำให้ กฟผ. ต้องแบกรับภาระจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ จะยิ่งกระทบกับเรตติ้งของ กฟผ. ได้

และที่ผ่านมาหลังจากรัฐบาลได้ช่วยเหลือค่าไฟกลุ่มเปราะบาง ลดค่าไฟเหลือหน่วยละ 3.99 บาท ส่งผลให้การใช้ไฟเดือน เม.ย. 67 พุ่งขึ้นถึง 20% เทียบกับ เม.ย. 66 ส่วนหนึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า การที่ทำให้ค่าไฟถูกเกินต้นทุนจริง ประชาชนไม่ประหยัดการใช้ไฟมากนัก ยิ่งส่งผลไม่ดีในระยะยาว

ส่วนกรณีถ้าสุดท้ายแล้ว กกพ. มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าเอฟที เพื่อสะท้อนต้นทุน และลดภาระ กฟผ. แต่รัฐบาลยังต้องการตรึงราคาค่าไฟงวดสุดท้ายให้อยู่ที่หน่วยละ 4.18 บาทตามเดิม เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าครองชีพประชาชน ก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลในการหางบประมาณ หรือหาแนวทางมาช่วยเหลือเช่นเดียวกับงวดปัจจุบัน

ที่มา : มติชนออนไลน์

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ราคากาแฟพุ่งเกือบ 2 เท่า! คนไทยกินกาแฟสูงถึง 9 หมื่นตันต่อปี แต่ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ

“อายิโนะโมะโต๊ะ” ปรับราคาขึ้น 4% เฉพาะถุงใหญ่ เนื่องจากมันสำปะหลังมีราคาแพงขึ้น