ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
นายอัง มู ลิม ประธานกรรมการสตาร์ครูซ (Star Cruises) ผู้ให้บริการล่องเรือสำราญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยถึง 33 ล้านคนต่อปี การเติบโตของสายการบินส่งผลให้สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองมีผู้โดยสารรวมกันขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึง 85 ล้านคนต่อปี ประกอบกับมาตรการของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลาง(ฮับ)เรือสำราญในภูมิภาค ทำให้บริษัทเห็นโอกาสและศักยภาพทางธุรกิจในประเทศไทย จึงตัดสินใจกลับมาเปิดให้บริการ ล่องเรือสำราญในไทย หลังจากที่เคยบริการเรือสำราญที่จ.ภูเก็ต เมื่อปี 2538 โดยครั้งนี้สตาร์ครูซ จะนำเรือสำราญซุปเปอร์สตาร์ เจมิไน (Superstar Gemini) มาให้บริการ โดยจะเข้าประจำการที่ท่าเรือแหลมฉบัง แต่วันที่ 17 ธันวาคม 2560 ถึง 27 เมษายน 2561
นายอัง กล่าวว่า สำหรับเรือซุปเปอร์สตาร์ เจมิไน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 1,500 คนต่อเที่ยว ภายในประกอบด้วยห้องพักหลากหลายขนาดที่สามารถเห็นวิวทะเลมุมกว้าง พร้อมร้านค้าปลอดภาษี โรงละครจัดการแสดง ห้องออกกำลังกาย รวมทั้งภัตตาคารและบาร์เครื่องดื่มที่พร้อมเสิร์ฟอาหารจากเมนูทั่วโลก ให้ผู้โดยสารสามารถรับประทานได้ฟรีถึง 6 มื้อต่อวัน โดยโปรแกรมการล่องเรือแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1.โปรแกรม 4 วัน 3 คืน ออกเดินทางทุกวันอาทิตย์ ไปยังเมืองสีหนุวิลล์ เมืองตากอากาศชายทะเลชั้นนำของกัมพูชา และเกาะสมุย 2.โปรแกรม 3 วัน 2 คืน เดินทางทุกวันพุธ ไปยังสีหนุวิลล์ และ3.โปรแกรม 3 คืน 2 วัน ออกเดินทางวันศุกร์ ไปยังเกาะกงเกาะที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา ทั้งนี้หากได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติบริษัทก็พร้อมจะเดินหน้าขยายโปรแกรมไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่นในประเทศไทยต่อไป
นายศุภฤกษ์ ศูรางกูร นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) กล่าวว่า การที่สตาร์ครูซตัดสินใจกลับมาให้บริการล่องเรือสำราญในประเทศไทย ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก เนื่องจากจะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังประเทศไทยและยังเป็นการเพิ่มรายได้เข้าประเทศ ต่างจากเดิมที่ไทยเป็นเพียงประเทศปลายทางของเรือสำราญ ซึ่งเมื่อคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจแค่เพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยเท่านั้น แต่พอไทยได้มาเป็นประเทศต้นทางของเรือ จะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจอีกมากมาย อาทิ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การเป็นจุดเติมน้ำมันของเรือ การซ่อมบำรุงเรือ และอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้บนเรือ ดังนั้นสมาคมฯ จึงอยากเสนอให้รัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมเรือสำราญให้มากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการมาล่องเรือให้มีอายุนานขึ้น เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวเหมือนในประเทศมาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์