“บิ๊กตู่” ขอสงกรานต์ปีนี้ยึดประเพณี แนะสาวไทยอย่าแต่งตัว ‘เปิ๊ดสะก๊าด’ เอาน้ำมาสาดเป็นถัง

วันที่ 28 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีแนวปฏิบัติในการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ว่า ขอว่าอย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะตามธรรมเนียมประเพณีสงกรานต์เมื่อก่อนเป็นประเพณีไทยๆ ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องมาเต้นระบำกัน แต่งตัวเปิ๊ดสะก๊าด หรือเอาน้ำมาสาดกันเป็นถังๆ สมัยนี้ประเพณีไทยก็เพี้ยนไปคือสนุกสนานจนเกินเหตุ จะทำอะไรก็ขอว่าอย่าให้ผิดกฎหมาย อย่าทำให้คนเดือดร้อนเพราะน้ำตอนนี้ก็น้อยลง

“สิ่งสำคัญคือเรายังอยู่ในห้วงสำคัญไม่ใช่หรือ ปี 2559 เราก็ทำมาได้ ปีนี้ก็เชื่อว่านักท่องเที่ยวก็เข้าใจเพราะเขาต้องการมาดูประเพณีที่งดงาม เขามากันอยู่แล้วขอว่าอย่ากังวล เราจะมีการประชาสัมพันธ์อีกครั้ง อย่าไปสงสัยในเรื่องที่ไม่ควรสงสัย บางครั้งเราควรใช้วิจารณญาณบ้าง ต้องเอากฎหมายมาดูว่าควรจะทำอย่างไร ไม่ใช่มุ่งเน้นเอาผลประโยชน์อย่างเดียวแล้วทำประเทศชาติเสียหาย เช่น พูดอะไรผ่านสื่อก็ทำให้เกิดความขัดแย้งกันไปหมด” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขออย่ากังวลเรื่องการจราจร เอาอย่างนี้ดีกว่าใครอยากตายก็ไม่ต้องทำ เพราะรัฐบาลทำเต็มที่แล้ว ห้ามกันทุกอย่างเหลือแค่ห้ามหายใจ ทุกคนมาบอกว่าทำไมตายเยอะรัฐบาลต้องรับผิดชอบ แล้วหากใช้มาตรา 44 แล้วยังตายเยอะอีกรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบอะไรอีก มันช่างถามนะแบบนี้ ผมพยายามทำทุกอย่างแล้ว มาตรา 44 ก็ออกมาแล้ว หมดแล้วไม่มีมาตราไหนอีก ก็ไหว้พระสวดมนต์เอาแล้วกันเพราะมันก็เพื่อรักษาชีวิตท่านเองนั่นแหละ ตนเพียงแต่ว่าออกมาเตือนท่านเสียหน่อย กฎหมายมีอยู่แล้ว การรัดเข็มขัด การบรรทุกคนมันมีอยู่แล้ว ท่านก็มาบอกว่ากฎหมายนี้ท่านไม่รู้ บอกว่าไม่รู้กฎหมายตลอด ผมก็เอามารวมแล้วออกเป็นมาตรา 44 เดี๋ยววันหน้าทุกอย่างเข้าระบบก็ยกเลิกมาตรา 44 กฎหมายก็เป็นแบบเดิม เราไม่ชอบมองอะไรที่เป็นภาพใหญ่ เราดูแค่เสี้ยว ดูหนังก็ดูแปบเดียว หนังกว่าจะสร้างมาตั้งนานก็ดูแปบเดียวแค่ 2 ชั่วโมงยังเบื่อก็เพราะสร้างมาไม่สนุกกัน

“วันนี้รัฐบาลก็ไม่ได้สนุกเท่าไหร่ เพราะรัฐบาลต้องใช้กฎหมายก็ไม่มีใครชอบ แต่ถ้าเราไม่ใช้กฎหมายวันนี้ วันหน้าจะอยู่กันไม่ได้และหนักกว่าเดิมอีก ตนไม่ได้คึกคะนองในการใช้กฎหมายแต่ละฉบับ ผมไม่อยากใช้เพราะมันเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐและประชาชนก็ขัดแย้งกับตำรวจ ตำรวจก็คงไม่อยากจะจับ ทหารก็คงไม่อยากจะยิงใคร ถ้าทุกคนต่างลดลาทั้งทหารตำรวจก็ดูแลเยี่ยมเยือนทุกข์สุขปกป้องชายแดน ดูแลความมั่นคงภายใน เขามาทำให้ทุกอย่างเพราะเขาต้องการความสงบเรียบร้อย ที่ผ่านมาหากไม่ทำแบบนี้จะสงบหรือไม่ ทุกคนก็อยากจะปรองดอง แล้วรู้หรือไม่ปรองดองคืออะไร เขาก็พยายามอย่างเต็มที่ มันต้องปรองดองด้วยใจเพื่อประเทศชาติ ผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน นี่คือคำว่าปรองดองมันถึงจะเกิดได้” นายกฯกล่าว