ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
บ้านพี่แยม ร้านนี้ไม่ได้มาเล่นๆ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย กับอีกบทบาทคุณภาพ
เมื่อเอ่ยถึง คุณแยม-ฐปณีย์ เอียดศรีไชย หลายคนคงรู้จักกันดีในบทบาทสื่อมากความสามารถ แต่อีกบทบาทหนึ่งที่หลายคนอาจไม่คุ้นเคย นั่นคือ การเปิดเพจเฟซบุ๊ก ภายใต้ชื่อ “บ้านพี่แยม” ทำอาหารนานาชนิดส่งขายออนไลน์
คุณแยม เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า เดิมทีที่บ้านชอบทำกับข้าวกินเองอยู่แล้ว และมีความตั้งใจจะเปิดร้านขายอาหารโดยมีน้องชายที่ชอบทำและคิดสูตรอาหารขึ้นมาเองเป็นพ่อครัวหลัก
“มีความรับผิดชอบต้องเลี้ยงดูครอบครัว จึงอยากหารายได้เพิ่มเป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้นอกเหนือจากการทำข่าว เพราะงานข่าวอาจไม่แน่นอน แต่เรามีภาระรับผิดชอบที่มากขึ้น มีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจึงต้องหารายได้ทางอื่นมาจุนเจือครอบครัว คิดว่าจะทำอะไรเพื่อหารายได้เสริมตรงนี้”
“ประกอบกับมีน้องชายที่มีความสามารถทำอาหารอยู่แล้ว ส่วนตัวเองก็ชอบทำอาหาร แต่ที่ผ่านมายังไม่มีเวลาเปิดเป็นร้านอาหารอย่างจริงจัง เพราะต้องเลี้ยงดูหลานและเราทำงานข่าวเป็นหลัก
เมื่อหลานเริ่มเข้าโรงเรียนจึงมีเวลามากขึ้นและเริ่มสนใจทำธุรกิจด้านนี้ โดยเปิดขายออนไลน์ก่อนก็ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี” คุณแยม เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงสดใส
สำหรับเมนูถนัด คุณแยม บอกว่า ถนัดทำหมูหวานที่คิดสูตรขึ้นมาเอง เป็นเมนูที่กินคู่กับแกงส้ม และที่ถนัดทำอีกอย่างคือ ผัดสะตอ ส่วนคนปรุงเมนูอื่นๆ นั้น จะเป็นน้องชายที่ทำทั้งเครื่องแกงต่างๆ โดยปรุงรสตามสูตรเฉพาะของครอบครัว และมีเมนูเด็ดเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้าอีกอย่างคือ ขนมจีนน้ำยาปู ซึ่งน้องชายเป็นคนคิดสูตรอีกเช่นเคย
“แต่ก่อนก็จะทำขนมจีนน้ำยาใต้ปกติทั่วไป แต่เมื่อมีเพื่อนๆ ชมว่าอร่อยมากจึงเริ่มทำน้ำยาปู ลองเอาไปขายที่ตลาดนัดช่อง 3 จนหลายคนติดใจ หลังจากนั้นก็จะมีคนสั่งเข้ามาตลอด บางครั้งเราติดงานไปทำข่าวไม่มีเวลาก็ต้องพยายามบริหารจัดการ อาศัยว่าต้องมีออร์เดอร์เข้ามาเราจึงจะทำตามสั่ง หลังจากนั้นก็มีคนสั่งไปจัดเลี้ยงอยู่บ่อยๆ” คุณแยม เล่า
สำหรับ เพจบ้านพี่แยม จะมีอาหารแปลกใหม่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใครอีกหนึ่งเมนู ได้แก่ เมนู “ขนมจีนหม้อไฟ” โดยลองนำซีฟู้ดอาหารทะเลนานาชนิดมาใส่หม้อไฟและมีน้ำปรุงเป็นน้ำยาขนมจีนรสเด็ด
ถามถึงรายได้เมื่อมาขายอาหารออนไลน์ คุณแยม แย้มให้ฟังว่า สำหรับออร์เดอร์ขนมจีนที่ลูกค้าสั่งออนไลน์มาวันหนึ่งได้มากสุดประมาณ 300 ชุด เท่ากับกำลังที่ครอบครัวเราจะทำไหว หากคิดเฉพาะกำไรวันหนึ่งได้กำไรถึงวันละ 10,000 บาทก็มี ทำให้มีกำลังใจและเห็นช่องทางการหารายได้ให้ครอบครัวเพิ่มขึ้น
แม้ว่าจะได้รับการตอบรับค่อนข้างดี แต่การทำงานหลายอย่างย่อมมีอุปสรรค คุณแยม เล่าให้ฟัง การที่มีคนรู้จักมากแล้วมาทำอาหารถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก เพราะมีหลายคนสนใจจะกินอาหารของเรา ถ้าของไม่อร่อยจริงก็วัดที่คุณภาพชื่อเสียงที่สั่งสมมา
การทำงานตรงนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ทำแบบเล่นๆ ต้องใส่ใจให้ความสำคัญมาก บางครั้งเราอาจไม่มีเวลา งานที่ออกมาคนปรุงอาหารรับผิดชอบเป็นหลัก แต่เราก็ต้องคิวซีอาหารทุกอย่างให้มีคุณภาพ
สำหรับอุปสรรคในการทำงานช่วงแรก เช่น เรื่องบรรจุภัณฑ์ เพราะต้องส่งอาหารไปไกลๆ มีฝาปิดไม่สนิทมีฝารั่วบ้าง ทำให้เราต้องหาแพ็กเกจใหม่ให้เหมาะสม โดยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มีความสำคัญมากในการขายอาหารออนไลน์
ดังนั้น จึงต้องใส่ใจทุกขั้นตอน สิ่งไหนที่ไม่เคยทำก็ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ เริ่มบริหารจัดการให้ดี คัดเลือกวัตถุดิบให้มีคุณภาพ หรือแม้กระทั่งการตรงต่อเวลา ต้องมาวางระบบต่างๆ เหล่านี้เพื่อต่อยอดเป็นร้านอาหารที่มีคุณภาพ
เมื่อถามว่าทำไมจึงใช้ชื่อว่า “บ้านพี่แยม” เธอเล่าด้วยเสียงหัวเราะว่า
“เกิดจากที่ชอบชวนเพื่อนๆ มากินข้าวที่บ้าน และมักจะบอกว่า มากินข้าวบ้านพี่แยมกัน ประกอบกับที่บ้านเลี้ยงหลาน หลานก็จะเรียกพี่ว่า แม่แยมๆ เพื่อนๆ ก็จะแซวว่าทำไมไม่ใช้ชื่อครัวแม่แยม แต่ไม่ใช่คนทำครัวเป็นหลัก คนทำจริงๆ คือน้องชาย ตัวเองแค่ช่วยในบางครั้ง”
สำหรับการต่อยอดต่อไปในอนาคต เจ้าตัวบอกว่า เป็นคนสงขลา อาหารพื้นบ้านของคนสงขลาที่ขึ้นชื่อ ได้แก่ เต้าคั่ว ข้าวมันแกงไก่ หรือผลไม้อย่าง เงาะ ทุเรียน มังคุด สินค้าเกษตรต่างๆ ที่บ้านเองก็ทำสวนและบ้านญาติๆ ก็ทำสวน จึงอยากต่อยอดโดยการนำของขึ้นชื่อหรือสินค้าเกษตรเหล่านี้มาขายควบคู่ไปกับการทำร้านอาหาร หรืออย่างไปทำข่าวที่ไหน เจอของกินอะไรอร่อยก็นำมาให้ชิมกัน และอยากให้บ้านพี่แยม เหมือนเป็นศูนย์รวมอาหารอร่อยต่อไปในอนาคต
เมื่อคนทำข่าวหันมาทำกับข้าว สิ่งที่เขาทำจึงใช้ทั้งหัวใจใส่ลงไปในเนื้องานทุกอย่าง ผลออกมาจึงเป็นอีกมิติแห่งความสำเร็จที่น่าชื่นชม