คนไทยโดนหลอกจากมิจฉาชีพสูงถึง 500,000 กว่าราย เป็นจำนวนเงิน 63,000 ล้านบาท

คนไทยโดนหลอกจากมิจฉาชีพสูงถึง 500,000 กว่าราย เป็นจำนวนเงิน 63,000 ล้านบาท! ส่วนใหญ่เป็นการถูกหลอกจากออนไลน์

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากปัญหาภัยทุจริตทางการเงิน ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในการดำเนินการสำคัญคือ การออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 โดยมีวัตถุประสงค์ส่วนหนึ่งเพื่อจัดการบัญชีม้าที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรับเงินและถ่ายโอนเงินจากการกระทำผิด และแลกเปลี่ยนเส้นทางเงินเพื่อสนับสนุนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ รวมถึง พ.ร.ก. ได้กำหนดโทษเอาผิดกับบัญชีม้าให้ชัดเจนขึ้นด้วย

โดยพบว่าช่วงที่ผ่านมา การหลอกลวงมีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น แต่การหลอกลงทุน คือ วิธีการสูงสุด รองลงมาคือ หลอกให้โอนเงิน และหลอกให้ซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น โดยจากข้อมูลมีจำนวนคดีการหลอกลวงสูงถึง 500,000 กว่าคดี นับเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 63,000 ล้านบาท นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ถึง 31 พฤษภาคม 2567

“ที่ผ่านมา การจัดการกับบัญชีม้ายังมีข้อจำกัด ในครั้งนี้ ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงร่วมกันยกระดับการจัดการบัญชีม้าให้เข้มงวดขึ้น เพื่อให้ธนาคารป้องกันความเสี่ยงและแก้ไขปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ที่เกิดกับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจะดูแลให้กระทบประชาชนผู้สุจริตน้อยที่สุด” นายรณดล กล่าว

น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การยกระดับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน ประกอบด้วยมาตรการ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. การยกระดับการจัดการบัญชีม้า โดยปรับจากการดำเนินการระดับ ‘บัญชี’ เป็นระดับ ‘บุคคล’ รวมถึงการจัดการบัญชีต้องสงสัยได้เร็วขึ้น และดำเนินการเข้มข้นขึ้นทั้งบัญชีในปัจจุบันและการเปิดบัญชีใหม่

และ 2. การมีผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติมเพื่อดูแลธุรกรรมของลูกค้าให้ปลอดภัยมากขึ้น โดย ธปท. กำหนดให้ธนาคารมีผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติมเพื่อดูแลให้ลูกค้าใช้บริการดิจิทัลได้ปลอดภัยขึ้น ได้แก่ การล็อกวงเงินที่ห้ามทำธุรกรรมออนไลน์ โดยการปลดล็อกวงเงินดังกล่าวให้ทำได้ยากขึ้น และหรือการปรับลดวงเงินต่อครั้งในการสแกนใบหน้าการทำธุรกรรมบนโมบายแบงกิ้งต่ำกว่า 50,000 บาท นอกจากนี้ ธนาคารแต่ละแห่งจะเสนอบริการเพื่อดูแลลูกค้าเพิ่มเติมได้ อาทิ การโอนเงินที่อาศัยบุคคลอื่นช่วยอนุมัติ การโอนเงินเฉพาะรายชื่อที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะเริ่มเห็นการให้บริการตั้งแต่ไตรมาส 4/2567

“ที่ผ่านมาเกิดช่องโหว่ในการจัดการ ทำให้บัญชีม้าวนกลับมาใช้งานใหม่ หรือย้ายไปเปิดบัญชีที่ธนาคารอื่นได้ ธปท. จึงยกระดับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินผ่านมาตรการเหล่านี้ เพราะยังไล่ตามไม่ทันมิจฉาชีพ แม้มีการจับบัญชีม้าได้เพิ่มมากขึ้น โดยปีนี้รวมแล้วอายัดบัญชีเกือบ 200,000 บัญชี ซึ่ง 1 ใน 3 เป็นบัญชีที่เปิดใหม่เพื่อใช้ในการนี้โดยเฉพาะ จึงไม่สามารถจับและอายัดได้มากกว่านี้ ทั้งต้องยอมรับว่าที่อายัดได้จำนวนไม่มากเท่าที่ควร เป็นเพราะส่วนหนึ่ง พอออก พ.ร.ก. แล้ว การปฏิบัติตาม พ.ร.ก. ก็มีประเด็นข้อกังวลของกฎหมายบางเรื่อง ทำให้การตรวจจับ หรือป้องกัน ทำได้ไม่เต็มที่ เป็นการจับในกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว แต่อาจไม่สามารถป้องกันได้ ทำให้เกิดม้าหมุน หรือม้าวน เมื่อถูกระงับ 1 บัญชี ก็ย้ายไปเปิดในบัญชีใหม่ที่ธนาคารอื่นแทน” น.ส.ดารณี กล่าว

ที่มา : มติชนออนไลน์