ภารกิจ “โสมพัฒน์-วัลลภา” พลิกกรุที่ดินเจ้าสัวขึ้นโปรเจ็กต์ยักษ์

ภารกิจบนบ่าที่เขยใหญ่กับบุตรสาว “เจริญ สิริวัฒนภักดี” เจ้าของสมญานาม ราชันย์น้ำเมา ราชาเทกโอเวอร์ เจ้าพ่อแลนด์ลอร์ดเมืองไทย ทั้ง “โสมพัฒน์-วัลลภา ไตรโสรัส” แม่ทัพใหญ่ “ทีซีซีแลนด์ แอสเสท เวิลด์” ต้องทำให้สำเร็จเป็นที่ประจักษ์ในเร็ววัน คือการเร่งพลิกหน้าดินในกรุที่“เจ้าสัวเจริญ” ซื้อสะสมไว้ทั่วประเทศนับแสนไร่ พัฒนาต่อยอดสร้างรายได้ในธุรกิจอสังหาฯครบวงจร 6 กลุ่ม หรือ 6 สายพันธุ์ ใต้ปีก “ทีซีซีแลนด์กรุ๊ป”

ไม่ว่าโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย, ด้านนันทนาการ เช่น สนามกอล์ฟ, อาคารสำนักงาน, นิคมอุตสาหกรรม, โรงแรมและศูนย์ประชุม และธุรกิจค้าปลีก (รีเทล) โดยมีกลุ่มมาสเตอร์แพลนรับผิดชอบออกแบบพัฒนา

ปรับทิศพัฒนาเพื่อเช่าลดเสี่ยง

“ที่ดินเราเยอะมากปัจจุบันเราปรับทิศทางการพัฒนาไม่เน้นขายขาดหันมาเน้นพัฒนาเพื่อเช่าแทนเป็นการกระจายความเสี่ยงและสร้างรายได้ระยะยาว”
โสมพัฒน์ บอสใหญ่ทีซีซีแลนด์กล่าว และว่าปีนี้รายได้รวมของบริษัทตั้งเป้าอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท รายได้หลักมาจากโรงแรมมากกว่า 1 ใน 3 ที่เหลือเป็นออฟฟิศ 25% ศูนย์การค้า 25%

“ปีนี้โรงแรมใหม่ที่กำลังรีโนเวตจะเปิดบริการมากขึ้น ทั้งควีนปาร์ค และหัวหิน ทำให้ปีนี้รายได้โรงแรมน่าจะ 40-50% นอกจากนี้จะมีลงทุน คือ แมริออท สุรวงศ์ เราคงไม่เทกอีกแล้ว พอแค่นี้ก่อน”

รุกโรงแรมทั้งไทย-ต่างประเทศ

ด้าน “วัลลภา” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ทีซีซีแลนด์ แอสเสท เวิลด์ จำกัด กล่าวว่า จะเดินหน้ารุกธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าเปิดตัวโรงแรมในไทยกว่า 10 แห่ง มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท ในปี 2565

จากปัจจุบันมีโรงแรมมากกว่า 50 แห่ง ใน 11 ประเทศ มีจำนวนห้องพักมากกว่า 1 หมื่นห้อง ทั้งโรงแรมที่เป็นเจ้าของแบรนด์เองและบริหารเอง เช่น แบรนด์ Imperial Group และให้กลุ่มบริหารโรงแรมระดับโลกเข้ามาบริหารให้

“เวิ้งนาครเขษม-เตรียมทหาร”

ส่วนสถานะที่ดินแปลงอื่น”โสมพัฒน์”ขยายความว่ามีที่ดินเตรียมทหาร88 ไร่ ทางกลุ่มมาสเตอร์แพลนกำลังออกแบบพัฒนาโครงการ เนื่องจากเป็นที่ดินแปลงใหญ่ มีพื้นที่ก่อสร้างนับ 1 ล้าน ตร.ม. แนวคิดการพัฒนาจะเป็นมิกส์ยูสตามที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กำหนด

ที่ “เวิ้งนาครเขษม” เป็นอีกแปลงที่ลูกเขยราชาที่ดินถึงกับเอ่ยปาก…คอนข้างเป็นงานหิน ต้องใช้เวลาออกแบบนาน เพราะพื้นที่ใหญ่ 17-18 ไร่ จะพัฒนาเป็นรูปแบบมิกซ์ยูสเช่นเดียวกัน ไฮไลต์จะมีโรงแรมกับศูนย์การค้า สไตล์ท่องเที่ยวคล้ายเอเชียทีค แต่ไม่ใช่โอเพ่น เน้นเจาะกลุ่มนักเที่ยวจีน

“พื้นที่ถูกจำกัดความสูง จะต้องขุดลงใต้ดินลึกมาก คงใช้เวลาอีก 4-5 ปีกว่าจะก่อสร้างเสร็จ ลงทุนเยอะมาก (เน้นเสียง) ยังไม่สรุปว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ จะเริ่มตอกเข็มปีหน้า อีก 4 ปีเสร็จ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีวังบูรพา แต่เปิดให้บริการไม่ทันรถไฟฟ้าเปิดใช้”

“โสมพัฒน์” กล่าวว่า ด้านความคืบหน้าที่ดินนับหมื่นไร่ติดหาด “ชะอำ” จะพัฒนาโครงการเกี่ยวกับท่องเที่ยว ขณะนี้ได้เริ่มพัฒนาโครงการด้วยการลงทุน 500 ล้านบาท สร้างอินฟราสตรักเจอร์ภายในโครงการ เช่น ขุดคูน้ำ ป้องกันน้ำเค็ม ส่วนงานก่อสร้างจะสร้างตึกเตี้ย

“ตลาดต่อยอด” โมเดลใหม่

ส่วนกลุ่มศูนย์การค้า ปีที่แล้วมีลงทุน 4 พันล้านบาท ก่อสร้าง “เกตเวย์บางซื่อ” พื้นที่ 8 ไร่ อยู่ติดรถไฟฟ้า ปัจจุบันกำลังก่อสร้าง อีก 2 ปีเสร็จเปิดให้บริการ

ล่าสุดปีนี้ได้ลงทุนธุรกิจค้าส่งโมเดลใหม่ “ตลาดต่อยอด” ปักธงแห่งแรก 160 ไร่ ใกล้ประตูน้ำพระอินทร์ เยื้องตลาดไท วงเงิน 6,000 ล้านบาท เป็นค่าที่ดิน 2 พันล้าน และก่อสร้าง 4 พันล้านบาท ปัจจุบันกำลังก่อสร้าง เตรียมอวดโฉมต้นปี 2561

“โสมพัฒน์” เล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการว่า เป็นพื้นที่เทกโอเวอร์ “บิ๊กคิง รังสิต” เนื้อที่เดิม 60 ไร่ ตอนนั้นซื้อมา 800 ล้านบาท ยังไม่รู้จะทำอะไร จนท่านประธาน (เจ้าสัวเจริญ) บอกว่าจะทำอะไรดี เลยซื้อที่ดินด้านหลังอีก 100 ไร่ รวมเป็น 160 ไร่ มองคอนเซ็ปต์ว่าอาคารเดิมก็ใหญ่ และพื้นที่ที่ได้มาก็ใหญ่ แต่โมเดิร์นเทรดและไฮเปอร์มาร์เก็ต ผู้ประกอบการมีการกดมาร์จิ้นเยอะ เลยอยากจะมีแพลตฟอร์มที่เขาสามารถได้โชว์สินค้าและมีผู้ขายมาเจอกันได้

“ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่รัฐสนับสนุนเรื่องไทยแลนด์4.0เราคิดว่าน่าจะเป็นตลาดขายส่งเราเป็นโซลูชั่นให้รวมเอาผู้ประกอบการ ผู้ผลิตทั้งหมดในเมืองไทย มี 2.7 ล้านราย ที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงอุตสาหกรรม และอีก 4 แสนรายที่ส่งออกอยู่แล้ว ถ้าทำตลาดกลางขายส่งน่าจะเหมาะ แถวนั้นผักผลไม้เป็นตลาดไท เราไม่ทำของสด เป็นอาหารแห้ง อุปโภคบริโภค น่าจะไปได้ กระทรวงพาณิชย์ และอุตสาหกรรมจะช่วยดูเรื่องแพ็กเกจจิ้ง”

เฟสแรก ประกอบด้วย พื้นที่ขาย 10 อาคาร และโกดังเก็บของ 2 แห่ง ศูนย์กระจายสินค้า และบิ๊กซี นอกจากนี้มีพื้นที่ 5,000 ตร.ม. เป็นเอ็กซิบิชั่น และศูนย์เอสเอ็มอี ขณะนี้ก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 25% เริ่มตอกเข็ม เริ่มฐานรากชั้น 1 ปลายปีน่าจะเป็นรูปเป็นร่าง ปัจจุบันมีผู้จองพื้นที่ 20% คิดค่าเช่าพื้นที่ 500-1500 บาท/ตร.ม./เดือน สัญญาเช่า 1-3 ปี

“โครงการนี้เราผนึกกำลังทั้งเครือให้มีช่องทางขายสินค้า ทั้งบิ๊กซีพื้นที่ 5 พัน ตร.ม. หรือโลจิสติกส์ ทำให้มีต้นทุนต่ำขายได้ทั้งตลาดภูมิภาคและทั่วโลก คอนเซ็ปต์เรา คือ เออีซีเทรดเซ็นเตอร์ มองขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ด้วย และนำเข้าสินค้าค้าส่งจากประเทศอื่น เช่น จีน เพราะเป็นฐานผลิตใหญ่สุดในภูมิภาค”

5 ปีปูพรมทั่วไทย

แผนลงทุนวางไว้ 5 ปีจะเปิด 8 แห่งครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยเฉพาะทำเลติดการค้าชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษ เงินลงทุนรวม 4 หมื่นล้านบาท ขนาดโครงการจะมีที่ดินเฉลี่ยแห่งละ 100 ไร่ขึ้นไป เงินลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท/แห่ง

ตามแผนในปี 2 ปีนี้ จะขยายเฟส 2 ไปยัง จ.เชียงใหม่ พื้นที่ 150 ไร่ ตรงฟ้าห้าม แยกกาดรวมโชค ใกล้โลตัส จะเป็นจุดศูนย์รวมสินค้าภาคเหนือตอนบน เจาะชายแดนพม่าและลาว

ภาคอีสานอยู่ระหว่างเลือกพื้นที่ระหว่าง จ.หนองคาย กับอุดรธานี แต่แนวโน้มน่าจะเป็นอุดรธานี เพราะมีที่ดินอยู่แล้วตรง ประมาณ 100 ไร่ ส่วนพื้นที่อื่นที่จะไป เช่น หาดใหญ่ สระแก้ว แม่สอด ชลบุรี เป็นต้น

ขณะที่ “วัลลภา” เสริมว่า ด้วยจุดเริ่มต้นไอเดีย ตลาดต่อยอด น่าจะเป็นโครงข่ายของผู้ประกอบการ และสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่จะส่งเสริมการค้าและซัพพอร์ตกลุ่มเอสเอ็มอี เลยร่วมพัฒนาโมเดลนี้กับหน่วยงานรัฐ เพิ่งเซ็นเอ็มโอยูกันไป และนโยบาย 4.0 เลยเป็นเน็ตเวิร์กการตลาดของกลุ่มผู้ผลิตและขยายออกไปสู่ภูมิภาค

เรียกว่าเป็นโครงการแรกของประเทศที่จะมีขนาดถึง3แสนตร.ม.ใหญ่สุด และรวบรวมสินค้าหลากหลายที่สุด อยู่ที่ตลาดต่อยอด สร้างขีดการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ และส่งเสริมการส่งออก จะสร้างเน็ตเวิร์กต่อเนื่อง

เป็นธุรกิจใหม่ที่ท้าทายทายาทมหาเศรษฐีไม่น้อย

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์