นักวิชาการ ยืนยัน การผลิตอาหาร มีกฎหมายบังคับและระบบการประกันคุณภาพ

นักวิชาการ ยืนยัน การผลิตอาหาร มีกฎหมายบังคับและระบบการประกันคุณภาพ
นักวิชาการ ยืนยัน การผลิตอาหาร มีกฎหมายบังคับและระบบการประกันคุณภาพ

นักวิชาการ ยืนยัน การผลิตอาหาร มีกฎหมายบังคับและระบบการประกันคุณภาพ กรณีข้าว 10 ปี ผลตรวจออกมาปลอดภัย สามารถนำมาผลิตอาหารได้

ผศ.ดร.รชา เทพษร สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร ทั้งอาหารแปรรูป อาหารแช่เย็น อาหารแช่เยือกแข็ง หรืออาหารกล่องพร้อมรับประทาน มี “ระบบการประกันคุณภาพ” ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตอาหาร นำไปปฏิบัติใช้เพื่อควบคุมการทำงาน ให้การผลิตอาหารในทุกขั้นตอน มีคุณภาพ มีมาตรฐานรับรอง และปลอดภัยต่อผู้บริโภค หากผู้ประกอบการรายใดไม่ปฏิบัติตามก็ไม่สามารถได้รับการรับรอง และไม่สามารถแสดง สัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมายที่ผลิตภัณฑ์อาหารได้

ผศ.ดร.รชา เทพษร สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผศ.ดร.รชา เทพษร สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สำหรับ “ระบบการประกันคุณภาพ” มีหลายมาตรฐานที่สำคัญและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น ระบบพื้นฐานของโรงงานผลิตอาหาร (Good Hygiene Practices : GHP) หรือหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต (GMP เดิม) (Good Manufacturing Practices), การวิเคราะห์อันตรายและจุดควบคุมวิกฤต (HACCP), ระบบการจัดการความปลอดภัยที่มีมาตรฐาน (ISO22000), มาตรฐานการรับรองความปลอดภัยสำหรับการผลิตอาหาร และออกแบบมาเพื่อรับรองผลิตภัณฑ์ในร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ หรือบริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ (Food Safety System Certification : FSSC) รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยอาหารสากลที่เกิดจากสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร (British Retail Consortium : BRC)

ซึ่งทุกมาตรฐานมีข้อกำหนดที่ตรงกันในเรื่องของคุณภาพ และความปลอดภัยของวัตถุดิบ มาตรฐานเหล่านี้จะเป็นหลักประกันที่ดี เพราะอาหารที่ดี ต้องมาจากวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ที่ได้รับการตรวจสอบวัตถุดิบ (Test Element) โดยเฉพาะมาตรฐาน GHP (GMP เดิม) เป็นกฎหมายบังคับของกระทรวงสาธารณสุข (ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 420) กำหนดให้ผู้ผลิตต้องตรวจสอบวัตถุดิบก่อนนำเข้าสู่การผลิตอาหาร

นักวิชาการ ยืนยัน การผลิตอาหาร มีกฎหมายบังคับและระบบการประกันคุณภาพ
นักวิชาการ ยืนยัน การผลิตอาหาร มีกฎหมายบังคับและระบบการประกันคุณภาพ

“กรณีข้าวเก่าค้างโกดัง 10 ปี และมีผู้ที่กังวลว่าจะไม่ปลอดภัยและนำมาผลิตอาหารนั้น หากผลการวิเคราะห์ออกมาแล้วว่า ปลอดภัย ก็สามารถนำมาผลิตอาหารได้ แต่หากผลการวิเคราะห์ยืนยันแล้วว่า ไม่ปลอดภัย จะไม่สามารถนำมาผลิตอาหารได้ เพราะไม่ว่าวัตถุดิบ จะเพิ่งได้มาสดใหม่แค่ไหน แต่ถ้าไม่มีคุณภาพ ไม่มีความปลอดภัย โรงงานอาหารก็ไม่สามารถนำวัตถุดิบนั้นมาผลิตอาหารได้” ผศ.ดร.รชา กล่าว

ผศ.ดร.รชา กล่าวย้ำว่า พระราชบัญญัติอาหาร ปี พ.ศ. 2522 ระบุว่า ห้ามผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์ ซึ่งมีลักษณะคือไม่เป็นอาหารที่มีสิ่งที่น่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพเจือปนอยู่ด้วย นั่นคือ หากมีการปนเปื้อนด้วยสิ่งใดก็ตามที่อาจมีผลต่อสุขภาพของผู้บริโภค ก็ไม่สามารถนำวัตถุดิบนั้นมาผลิตอาหารได้ จึงไม่มีผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตรายใดจะเข้าไปเสี่ยงกับการนำวัตถุดิบที่ไม่มีคุณภาพมาผลิตอาหาร ขณะที่ผู้ให้การรับรองมาตรฐาน ก็จะไม่นำชื่อเสียงมาเสี่ยงกับการอนุญาตให้โรงงานนำวัตถุดิบที่ไม่ปลอดภัยมาใช้ในการผลิตเช่นกัน

นักวิชาการ ยืนยัน การผลิตอาหาร มีกฎหมายบังคับและระบบการประกันคุณภาพ
นักวิชาการ ยืนยัน การผลิตอาหาร มีกฎหมายบังคับและระบบการประกันคุณภาพ

นอกจากนี้ ระบบประกันคุณภาพ ยังครอบคลุมการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อติดตามสินค้าตั้งแต่ต้นทางการผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่าย ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตติดตามแต่ละส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ จากซัพพลายเออร์ ผ่านกระบวนการผลิต ไปจนถึงผู้บริโภคในขั้นสุดท้ายได้ กรณีที่ผู้บริโภคได้รับอันตรายจากอาหาร ผู้ผลิตจะตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าเกิดจากอะไร

และรัฐธรรมนูญยังระบุด้วยว่า ผู้บริโภคมีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย จากความผิดพลาดของผู้ผลิตได้ตามสมควร จึงไม่มีผู้ผลิตรายใดเสี่ยงผลิตอาหารที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะหากเกิดปัญหาจะได้รับผลกระทบต่อชื่อเสียงและความเสียหายตามมาอีกมาก ดังนั้น ด้วยระบบที่ดี และกฎหมายที่เคร่งครัดของไทย ผู้บริโภคสามารถเชื่อมั่นในระบบประกันคุณภาพอาหารปลอดภัยได้