เลิกเป็นลูกจ้าง อดีตสาวแบงก์ ทิ้งเงินเดือนหลายหมื่น ทำเกษตรอินทรีย์

เลิกเป็นลูกจ้าง อดีตสาวแบงก์ ทิ้งเงินเดือนหลายหมื่น ทำเกษตรอินทรีย์

คุณวันเพ็ญ นิสภวาณิชย์ อดีตสาวแบงก์ ปัจจุบันผันตัวมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว เธอละทิ้งเงินเดือนหลายหมื่นในเมืองกรุง แล้วมุ่งสู่จังหวัดลพบุรี เพื่อทำการเกษตรอินทรีย์จนถึงปัจจุบัน สิ่งที่เธอทำกำลังไปได้สวย แถมขยายการผลิต นำผลผลิตในเรือกสวน มาแปรรูป รวมทั้ง ชักชวนเกษตรกรชาวบ้านให้มารวมกลุ่มกันทำเกษตรอินทรีย์และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน

ย้อนกลับไปเมื่อราวปี 2536 คุณวันเพ็ญ จบการศึกษาจากคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นเข้าทำงานธนาคาร ระหว่างทำงานศึกษาต่อปริญญาโท สาขาเอ็มบีเอ (การบริหาร) ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน  และเป็น “สาวแบงก์” เรื่อยมา

เธอเล่าว่า มุ่งมั่นตั้งใจมาตั้งแต่เป็นพนักงานออฟฟิศแล้วว่า จะเกษียณตัวเองจากงานประจำที่อายุ 45 ปี และความตั้งใจก็เป็นจริง เมื่อเธอได้มุ่งหน้าสู่ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เพื่อทำการเกษตรในที่ดิน 18 ไร่ ที่ซื้อเก็บไว้ระหว่างที่ทำงานประจำ โดยตั้งชื่อว่า ไร่สบายจิต

เริ่มต้นด้วยการทดลองปลูกพืชผักไปเรื่อย อะไรที่ไม่ได้ผลก็ตัดทิ้งเปลี่ยนใหม่ ส่วนที่ได้ผล ก็ขายผลผลิต ขายหน่อ ขายต้น ได้เงินพอเป็นทุนรอนสำหรับการลงทุนเพิ่มผลผลิตใหม่ๆ ต่อไป

พืชที่ปลูกในช่วงแรกคือ กล้วยน้ำว้า ราว 500 ต้น มะขามเปรี้ยวยักษ์ 60 ต้น และไผ่กิมซุง หรือเรียกอีกชื่อว่าไผ่ลืมแล้งอีก 200 ต้น กล้วยน้ำว้าได้ขายผล ไผ่ขายหน่อ และขายต้นพันธุ์ที่คุณวันเพ็ญ บอกว่า พยายามเลือกท่อนพันธุ์ใหญ่ๆ สวยๆ ขายให้เกษตรกร

ระหว่างนั้น ปลูกข้าวโพด แต่ไม่ได้ผลมากนัก และมันสำปะหลัง สำหรับบริโภคในครัวเรือนที่ชาวบ้านเรียกว่า มันสำปะหลัง 5 นาที ซึ่งการปลูกพืชผลที่ผ่านมา พบว่า ข้าวโพด รวมทั้งขิง และข่า ที่ทดลองปลูกแล้ว ได้ผลไม่ดีนัก จึงต้องพยายามปลูกอย่างอื่นกันต่อไป ส่วนพืชผักสวนครัวทั้ง พริก ตะไคร้ มะเขือ ได้ผลดี

คุณวันเพ็ญ นิสภวาณิชย์

“ตั้งใจจะหยุดงานประจำตอนอายุ 45 แต่ไม่ได้ตั้งใจจะหาธุรกิจเป็นของตนเอง เพียงแต่มีแนวคิดว่า ถ้าไม่ต้องวิ่งตามภาวะเศรษฐกิจ จะทำอะไรได้บ้าง จนได้คำตอบ ต้องมีความมั่นคงทางด้านอาหาร พลังงาน เกษตรจึงเป็นคำตอบ ดังนั้น เลยมุ่งทำตามสิ่งที่คิด เกษตรถ้าจะมั่นคง ยั่งยืน ต้องมีน้ำ มีพลังงาน เลยเริ่มจากการสร้างฝาย ขุดสระ หาน้ำในไร่ หาพันธุ์พืชมาลง”

“โดยพืชที่ลงต้องเข้ากับหุ้นส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย มองว่า ดิน อากาศ น้ำ คือหุ้นส่วนที่สำคัญ เริ่มต้นเราไม่รู้หรอกว่าอะไรดีไม่ดี เข้าได้หรือไม่ได้ เอาเท่าที่หาความรู้พอได้ เลยเริ่มต้นจากกล้วยน้ำว้า ไผ่ และมะขามยักษ์ ก็ได้ผลบ้าง ตายบ้าง ที่ได้ผลก็ขาย เราขายทั้งผล ทั้งพันธุ์” คุณวันเพ็ญ ว่าอย่างนั้น

พร้อมเล่าต่อว่า การปลูกพืชหลายอย่าง จะได้กระจายความเสี่ยง จึงปลูกพืชหลากหลาย เช่น หมามุ่ยอินเดีย ถั่วดาวอินคา ขายทั้งผลและพันธุ์เช่นกัน และระยะเวลาของพืชที่แตกต่าง โดยระยะสั้น มีการปลูกข้าวโพด กระเจี๊ยบแดง เพิ่มเติมในบางช่วง แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะได้ผล ต้องดูกันไป เคยปลูกมันสำปะหลัง 5 นาที ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร ข้าวโพดในช่วงร้อนแล้ง ก็สาหัสเช่นกัน เสียมากกว่าได้ จึงเรียนรู้กันไป ปรับกันไป

สำหรับเหตุที่เลือกทำการเกษตรอินทรีย์นั้น คุณวันเพ็ญ บอก เชื่อว่าเกษตรอินทรีย์ปลอดภัย ทั้งเราและผู้บริโภคของเรา อีกอย่างดินที่นี่เป็นดินด่าง ถ้าใช้สารเคมีเกรงว่าดินจะแข็งกระด้าง ดังนั้น ทุกอย่างในไร่จึงเป็นอินทรีย์ หรือออร์แกนิก

“สิ่งที่ไร่สบายจิต เน้นมาตลอด คือพยายามชักชวนให้เกษตรกรหันมาผลิตพืชผักด้วยระบบอินทรีย์ เพราะปลอดภัยต่อผู้บริโภค และที่สำคัญ ปลอดภัยต่อตัวเกษตรกรเองด้วย” คุณวันเพ็ญ ว่าอย่างนั้น

อ่านถึงตรงนี้ ใครสนใจหน่อไม้ดองปลอดภัย มาจากไผ่ออร์แกนิก ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 094-894-5156 หรือเข้าไปติดตามเธอได้ที่เฟซบุ๊ก เพจไร่สบายจิต

ขอบคุณภาพจากเพจ ไร่สบายจิต