Tree Top Adventure Park ผู้บุกเบิก “สวนสนุกบนต้นไม้” รายแรกของเมืองไทย

คุณแอ้ม-นันทพล ไข่มุกด์ ผู้บริหารวัย 39 ปี ของบริษัท ลิตเติ้ล เวิลด์ จำกัด เจ้าของกิจการ “สวนสนุกบนต้นไม้” Tree Top Adventure Park Thailand เริ่มต้นแนะนำตัว ด้วยการย้อนประวัติ สมัยเด็กมีโอกาสเดินทางติดตามคุณพ่อ ซึ่งเป็นนักการทูตไปหลายๆ ประเทศ ในแต่ละประเทศ ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การผจญภัยทีละเล็กทีละน้อย สมัยอยู่เบลเยี่ยม ได้เรียนภาษาฝรั่งเศสติดตัวมา พอย้ายไปเนปาล ได้ไปเดินป่าที่เทือกเขา หิมาลัย กับโรงเรียนทุกปี จึงชอบการผจญภัยและท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ หลังเลิกเรียน มักปั่นจักรยานไปตามหมู่บ้านเพื่อที่จะหาเส้นทางใหม่ๆ เป็นประจำ

ครั้งได้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา และเมืองซีแอทเทิล สหรัฐอเมริกา ซึ่งล้วนแต่เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขาทำให้หลงใหลในกิจกรรมกลางแจ้งมากยิ่งขึ้น ได้เล่นกีฬาท่ามกลางธรรมชาติ อย่าง สกี จักรยานเสือภูเขา แคมปิ้ง

หลังเรียนจบ กลับมาทำงานที่เมืองไทยในสายการเงินได้หลายปี นึกอยากมีธุรกิจของตัวเอง จึงลาออกมาลงทุนทำงานที่ตัวเองรัก โดยในปี 2550 ได้ร่วมทุนเปิดสวนสนุกบนต้นไม้ Tree Top Adventure Park กับหุ้นส่วนชาวฝรั่งเศส เป็นแห่งแรกที่เกาะช้าง จังหวัดตราด

“ช่วงนั้นเมืองไทย มีการจัดกิจกรรมแอ๊ดเวนเจอร์กันอยู่บ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในรีสอร์ต ซึ่งแตกต่างจากของเราที่ใช้ต้นไม้เป็นตัวฐาน และใช้ธรรมชาติเป็นสภาพแวดล้อมหลัก เรานับเป็นรายแรกๆ ที่บุกเบิกเรื่องของสวนสนุกบนต้นไม้ พอ3-4 ปีให้หลัง ถึงมีรายอื่นตามมาหลายรายพอสมควร” คุณแอ้ม ว่ามาอย่างนั้น

ก่อนบอก อุปสรรคของการทำธุรกิจสวนสนุกบนต้นไม้นี้ อยู่ที่การหา “ต้นไม้” มาเป็นฐาน เพราะตามหลักแล้ว ต้องเป็นต้นไม้ที่ใหญ่และแข็งแรงพอ อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ถึงจะเหมาะสมที่สุด แต่เมืองไทยทุกวันนี้ หาต้นไม้ใหญ่อยู่กันเป็นป่านั้นยากมาก ถ้ามีก็จะอยู่ในพื้นที่ความดูแลของหน่วยงานราชการแทบทั้งสิ้น

“ ทรี ท็อป แอ๊ดเวนเจอร์ ที่เกาะช้าง มีการเช่าที่ของเอกชน ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว เจ้าของไม่ได้ทำประโยชน์อะไร เมืองไทยหาที่เอกชนมีต้นไม้ใหญ่ค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตาม หากจะไปเปิดที่ไหน เราจะมองหาสถานที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยทำการเช่าหรือลงหุ้นกับรีสอร์ต หรือทำกับป่าชุมชน” คุณแอ้ม เผย

และว่า หลังจากเปิดที่เกาะช้างได้ไม่นาน “ดีมานด์” ลูกค้า ทั้งไทย-เทศ เพิ่มขึ้นเห็นได้ชัด จึงทำให้มีการขยายสาขาออกไปที่ พัทยา ชลบุรี ไทรโยค กาญจนบุรี กระบี่ และ ดอยตุง เชียงราย ตามลำดับ แต่ปัจจุบันสาขาที่พัทยาหมดสัญญาเช่าที่แล้ว

ช่วงแรกยอมรับว่าเจาะกลุ่มเป้าหมายต่างชาติ แต่ต่อมาคนไทยสนใจกันมากขึ้น โดยเฉพาะที่ไทรโยคและดอยตุง ลูกค้าเกินครึ่งเป็นคนไทย

“ธุรกิจนี้ใช้งบลงทุนหลักสิบล้านบาท แบ่งเป็นค่าอุปกรณ์ และการใช้โนว์ฮาวของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับ Euro Standard” คุณแอ้ม ระบุ

เมื่อถามถึงอุปสรรคในการทำธุรกิจตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมานี้ เจ้าของเรื่องราวท่านเดิม บอกว่า การเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ที่ฉีกไปจากรูปแบบเดิมซึ่งคนส่วนใหญ่ชอบทำตามๆ กัน อาจต้องเริ่มจากใจรักจริงๆ และใช้ความอดทนสูงกว่าปกติ

“ยุคแรกๆ ยอมรับว่าลูกค้าไม่เข้าใจว่าคืออะไร และถ้ากิจการของเรามีเป้าหมายที่มองแต่เม็ดเงิน คงต้องปิดกิจการไปแล้ว เพราะรายได้ช่วงแรกไม่ตรงตามเป้าหมาย  แต่เราต้องดำเนินต่อไปเพราะใจรักเป็นทุน จนถึงจุดหนึ่งที่สามารถสื่อสารตัวกิจกรรมให้ชัดเจนได้ว่ามีความปลอดภัยและสนุกด้วย เลยติดตลาดในที่สุด” คุณแอ้ม บอกเสียงเรียบ

พร้อมเผยให้ฟังถึงแผนธุรกิจในอนาคตว่า ปัจจุบันคนเมือง หนุ่มสาว-เด็ก-ผู้สูงอายุ ต่างมีความสนใจต้องการทำกิจกรรมลักษณะแอ๊ดเวนเจอร์กันมากขึ้น แต่อาจไม่มีเวลาเดินทางไปต่างจังหวัด ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางกรุงหลายแห่ง จึงติดต่อขอให้ทางบริษัทของเขาเข้าไปเป็นที่ปรึกษาและร่วมลงทุน สร้างสวนสนุกบนที่สูง เนื่องจากเห็นว่ามีความเชี่ยวชาญและมีโนว์ฮาวด้านระบบปลอดภัยอย่างดี

“ทรี ท็อป แอ๊ดเวนเจอร์ เคยได้รับรางวัลประเภท แหล่งท่องเที่ยวนันทนาการเพื่อการผจญภัย ถึง 2 ปี คือในปี 2010 และ 2013 และจากประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ยังคงมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ที่จะสร้างความสนุกสนานในกิจกรรมผจญภัย ประกอบกับการสร้างรายได้ให้กับชุมชน รวมไปถึงการอนุรักษ์ป่าไม้และสนับสนุนแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสืบไป” คุณแอ้ม ฝากทิ้งท้าย