จากบทพระนิพนธ์ใน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ อันบอกเล่าเรื่องราวความรักของชาย-หญิงคู่หนึ่ง ที่จับมือกันเดินทางในท้องทะเลอันไกลโพ้นและท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ที่โอบล้อมด้วยประกายแห่งแสงจันทร์และดวงดาวที่พร่างพราย จนถึงเส้นขอบฟ้าที่ไม่รู้จบ

กลายเป็นแรงบันดาลพระทัยหลัก สำหรับคอลเล็กชั่นประจำฤดูสปริง ซัมเมอร์ 2017 ภายใต้แบรนด์ “สิริวัณณวรี” (SIRIVANNAVARI) ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว ทั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงจัดแฟชั่นโชว์เผยโฉมคอลเล็กชั่นนี้ ณ รอยัลพารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ภายในงานได้เหล่าเซเลบริตี้มาร่วมงานคับคั่ง อาทิ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี, พลพัฒน์ อัศวะประภา, สุริยน-เมก้า ศรีอรทัยกุล, พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์, นวลพรรณ ล่ำซำ, อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ และ ดิษยา-ดนัย สรไกรกิติกุล พร้อมด้วยเหล่าไทยดีไซเนอร์มาร่วมชมโชว์

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ทรงมีรับสั่งว่า

“ข้าพเจ้าได้ประพันธ์กลอนไว้หนึ่งบท ซึ่งเป็นเรื่องราวของความรักระหว่างคนและเทพธิดาแห่งท้องทะเล หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาตีความเป็นแฟชั่นในคอลเล็กชั่นสปริง/ซัมเมอร์นี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างเสื้อที่มีความพลิ้วไหวและอ่อนหวาน เทคนิคการตัดเย็บที่ทำให้เสื้อมีความเป็นเฟมินีนขึ้นไปอีก งานปักที่บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด รวมไปถึงการนำสัญลักษณ์ต่างๆ ทั้งภาพจักรราศี พระจันทร์ ดวงดาว ม้าน้ำ เข็มทิศ ปะการัง เปลือกหอย ลายทางกะลาสี แมงกะพรุน ฯลฯ มาแสดงถึงจินตนาการของข้าพเจ้าเพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจถึงคอนเซ็ปต์ของคอลเล็กชั่นล่าสุดนี้

“สำหรับคอลเล็กชั่นนี้ ถ้าดูอย่างผิวเผินก็จะดูเหมือนว่าเสื้อผ้านั้นเรียบง่ายมาก แต่ถ้าดูอย่างละเอียดหรือได้สัมผัสเนื้องาน จะรู้เลยว่าโครงเสื้อและแพตเทิร์นเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายนั้น ได้ซ่อนเทคนิคที่ซับซ้อนและรายละเอียดอันหลากหลาย อาทิ เทคนิคการจับเดรปผ้าเจอร์ซีย์แบบเทพธิดากรีก เทคนิคการพิมพ์ผ้าแบบ Wood Cut ตามแบบฉบับของญี่ปุ่นไว้ซึ่งข้าพเจ้าใช้เวลาทำนับเดือน”

จากคอลเล็กชั่นทรงออกแบบทั้ง 54 ลุค อันมีความโดดเด่นหลากหลายนี้ สิ่งพิเศษที่เห็นได้อย่างชัดเจนคืองานปักจากช่างฝีมือชั้นครู ซึ่งเป็นทีมช่างปักของแบรนด์ SIRIVANNAVARI เอง โดยนำเสนองานปักหลายรูปแบบบนเสื้อผ้าหลากสไตล์ อาทิ การปักบทกลอนและสัญลักษณ์แห่งท้องทะเลบนผ้าบุหงา (ผ้า Tulle) ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความประณีต

นอกจากพระปรีชาสามารถในด้านการออกแบบเสื้อผ้าแล้ว ครั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ยังได้แสดงพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี โดยทรงนิพนธ์บทเพลงพระนิพนธ์ SERENITY ขึ้นเพื่อใช้ประกอบการแสดงโชว์ บอกเล่าเรื่องราวของความปรารถนา ความรัก การรอคอย และกาลเวลา ซึ่งพระองค์ได้ทรงถอดคำจากบทกวีพระนิพนธ์มาร้อยเรียงใหม่ ทรงนำมาเรียบเรียงทำนองและเสียงประสาน โดยทรงเป็น Creative director ด้วย

ทั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ รับสั่งปิดท้ายว่า “บทสรุปของบทประพันธ์นี้ก็คือ ความรักระหว่างชายหนุ่มธรรมดากับเทพธิดาย่อมฝืนความเป็นจริงไปไม่ได้ ทั้งคู่ต่างต้องยอมรับยถากรรม เมื่อชายหนุ่มนั้นต้องหมดลมหายใจตามอายุขัยของมนุษย์ปุถุชน ในขณะที่ดวงใจของเทพธิดาก็ดับสิ้นตามเช่นกัน หากดวงใจที่แตกสลายนั้นยังคงอยู่ในร่างของนางที่ไม่มีวันดับสูญ”

สามารถชมคอลเล็กชั่นทรงออกแบบได้ที่ร้าน SIRIVANNAVARI ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน