เวลา 10.00 น.วันที่ 17 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่กรุงเทพมหานคร หลายๆจุดโดยเฉพาะพื้นที่ ทุ่งครุ ห้วยขวาง วัฒนา จตุจักร ดอนเมือง ลาดพร้าว บางเขน หลักสี่ สายไหม ต่อเนื่องไป อ.เมืองนนทบุรี ปากเกร็ด ได้เกิดฝนตกเล็กน้อย ปานกลาง ถึงตกหนัก พบปริมาณน้ำฝนสูงสุดที่เขตบางซื่อวัดได้ 21.5 มิลลิเมตร

นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร(สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบจากแบจำลองสภาพอากาศ(วาฟ)สาเหตุของฝนตกในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร วันนี้ เป็นเพราะกระแสลมใต้พัดพาเอาความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามา บวกกับอีก 2 ปัจจัย คือ 1.บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากทะเลจีนใต้ ที่แผ่เป็นลิ่มลงมา และได้ช้อนเอาความชื้นที่พัดมาจากกระแสลมใต้ให้ยกตัวในแนวดิ่ง 2.ในช่วงเวลานี้กระแสลมที่ระดับความสูง 5.5 กิโลเมตร เป็นลมตะวันตกที่มีกำลังแรง พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยดึงความชื้นให้ยกตัวในแนวดิ่ง ทำให้พื้นที่ตอนบนของประเทศไทยช่วงเวลา 3-4 วันที่ผ่านมามีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และจะยังมีภาวะเช่นนี้ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานครไปอีกราว 2-3 วัน

“ลักษณะการยกตัวในแนวดิ่งของอากาศเช่นนี้ จะทำให้เกิดพายุ ฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง บางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนอาจจะเกิดลูกเห็บด้วย จึงต้องเฝ้าระมัดระวังให้ดี สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้นหลังจากนี้อีก 2-5 วันข้างหน้ามีโอกาสที่จะเกิดฝนตกในลักษณะเช่นนี้อีก โดยเฉพาะในช่วงกลางวันและช่วงบ่าย ทั้งนี้ ลักษณะของกลุ่มเมฆ ในพื้นที่เหนือกรุงเทพมหานครนั้น จะไม่ใช่เมฆที่แผ่ตัวกว้างครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด แต่จะเป็นเมฆแท่งยาวๆเรียงตัวกันไป บางพื้นที่ฝนตกหนัก ในขณะที่บางพื้นที่ไม่มีฝนเลย”นายรอยล กล่าว

ผู้อำนวยการสสนก.กล่าวว่า การคาดการณ์สภาพฝนในกรุงเทพมหานครนั้น มีโอกาสคลาดเคลื่อนสูง เพราะมีตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้องค่อนข้างมาก โดยเฉพาะปริมาณฝุ่น ซึ่งจะทำให้น้ำฝนเพิ่มมากขึ้นจากค่าคำนวณปกติ

ที่มา มติชนออนไลน์