ออมสิน-ธ.ก.ส. เตรียมรับมือคนลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบ 2 คาดยอดทะลุกว่า 14 ล้านราย

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารมีความพร้อมในการลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ การลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 3 เม.ย. – 15 พ.ค. 2560 คาดว่าน่าจะมีประชาชนมาลงทะเบียนทั้งหมดราว 4 ล้านคน แยกเป็นคนที่ลงทะเบียนรอบแรกจะต้องมาลงทะเบียนซ้ำทุกปี ซึ่งในปี 2559 มีประชาชนมาลงทะเบียนกับธนาคารออมสิน 2.5 ล้านคน กับผู้ที่ต้องการมาลงทะเบียนครั้งแรกอีกราว 1.5 ล้านคน

ทั้งนี้ ธนาคารได้เตรียมความพร้อมโดยเตรียมจ้างพนักงานและลูกจ้างชั่วคราวจำนวน 1,500-2,000 คน พร้อมซื้อเครื่องอ่านชิปในบัตรประชาชนสาขาละ 8 เครื่อง กระจายทั่ว 1,065 สาขาทั่วประเทศ รวม 8,520 เครื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการกรอกข้อมูลประชาชน ช่วยลดความผิดพลาดได้ เพราะเครื่องจะอ่านข้อมูลจากชิพการ์ดในบัตรประชาชนแล้วถ่ายลงระบบของธนาคารออมสิน ไม่ต้องเสียเวลาในการกรอกเอกสารด้วยกระดาษ แล้วให้พนักงานมาคีย์ข้อมูลลงเครื่องเองอีก ซึ่งจะช่วยให้เกิดความชัดเจนในเรื่องข้อมูลและการสวัสดิการกับผู้มีรายได้น้อยอีกด้วย

สำหรับการโอนเงินเพื่อรับสวัสดิการของผู้ที่มาลงทะเบียนในรอบแรก 2.5 ล้านรายเมื่อปี 2559 ธนาคารได้โอนเงินสวัสดิการไปทั้งหมด 2.37 ล้านราย โดยในจำนวนนี้ 7,000-8,000 ราย พบว่ามีการกรอกข้อมูลผิดพลาด ทำให้ได้เงินสวัสดิการล่าช้า ที่เหลือเป็นพวกที่เสียชีวิตไปแล้ว คุณสมบัติไม่ตรงตามที่กำหนดไว้ โดยหลังจากปิดรับลงทะเบียน ธนาคารจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับกระทรวงการคลังเป็นผู้คัดกรองคุณสมบัติของแต่ละรายต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการรับสิทธิ์สวัสดิการผู้มีรายได้น้อยครั้งนี้

นอกจากนี้ นายชาติชาย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการแก้หนี้นอกระบบ และการปล่อยสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและกรณีฉุกเฉิน ที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า ล่าสุดมีลูกค้าและประชาชนเข้ามายื่นเอกสารเพื่อขอสินเชื่อแล้วกว่า 5.6 หมื่นราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 1,600 ล้านบาท โดยอนุมัติไปแล้วกว่า 1,000 ราย เฉลี่ยรายละ 2-3 หมื่นบาท ทั้งนี้หากลูกหนี้มีหลักฐานครบถ้วน สามารถยื่นขอสินเชื่อ และรู้ผลการพิจารณาสินเชื่อได้ภายใน 3-5 วัน เท่านั้น

ด้านรายงานข่าวจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แจ้งว่า ขณะนี้ธนาคารเตรียมพร้อมรับมือการลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐให้กับผู้มีรายได้น้อยเช่นกัน โดยได้มีการว่าจ้างชั่วคราวมารับลงทะเบียนประมาณ 2,000 คน พร้อมกับประสานไปยังสาขาธ.ก.ส.ทั้ง 1,275 สาขาทั่วประเทศ ให้ทำมาตรการเชิงรุก เนื่องจากคาดว่าจะมีประชาชนเข้ามาลงทะเบียนถึง 10 ล้านคน สูงกว่าปีก่อนที่เข้ามาลงทะเบียน 4.5 ล้านคน เนื่องจากปีนี้ประชาชนรับรู้และเข้าใจในโครงการความช่วยเหลือของภาครัฐ ทำให้สนใจลงทะเบียนมากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลมีการให้สวัสดิการที่จูงใจกว่าเดิม

ทั้งนี้ มาตรการเชิงรุกคือให้สาขา ธ.ก.ส.ทั่วประเทศประสานงานร่วมกับ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น อบต. รวมถึงเทศบาลในการจัดชุดเจ้าหน้าที่เคลื่อนที่ไปรับลงทะเบียนแก่ชาวบ้าน และเกษตรถึงที่ชุมชน จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเข้ามาเชื่อมต่อเข้ากับระบบกลางของธนาคารอีกที ขณะเดียวกันยังได้มีการให้สาขาประเมินจำนวนประชาชนที่จะเข้ามาลงทะเบียน พร้อมกับจัดพื้นที่แยกต่างหาก และพนักงานแนะนำให้เพียงพอ เพื่อช่วยลดความผิดพลาดในการกรอกข้อมูล ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการธุรกรรมทั่วไปไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการลงทะเบียนด้วย

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์