เผยแพร่ |
---|
“Glassiq” ร้านแว่นออนไลน์ สู่หน้าร้านใจกลางเมืองที่เอ็มสเฟียร์ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ชูเทคโนโลยีและ OMNI-CHANNEL อุดช่องโหว่การขายแบบเดิมๆ
จากสตาร์ตอัปแว่นตาเจ้าแรกของไทยที่ขายออนไลน์เป็นหลัก วันนี้ Glassiq (กลาสสิก) ขยับขยายธุรกิจ จากออนไลน์สู่ออฟไลน์ เปิดแฟลกชิปสโตร์สาขาแรกใจกลางเมือง “Glassiq@Emsphere” ชูคอนเซ็ปต์ มุ่งแก้ไขช่องโหว่การจำหน่ายแว่นตาแบบเดิมที่มีราคาสูงและมากขั้นตอน พร้อมผนวกเทคโนโลยี Omni Channel เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่
คุณพิริยะ ตันตราธิวุฒิ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์แว่นตา Glassiq และ CMO บริษัท วิชั่น เวนเจอร์ส จำกัด เล่าว่า Glassiq ก่อตั้งเมื่อปี 2016 โดยวางจำหน่ายในรูปแบบออนไลน์ที่ชูจุดเด่นด้านบริการส่งให้ลองถึงบ้าน ถัดมาในปี 2022 Glassiq ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท วิชั่น เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็น Holding Company ที่ดูแลหอแว่นและธุรกิจแว่นตา
นอกจากนี้ Glassiq ยังได้รีแบรนด์ใหม่ จากเดิมที่ใช้ชื่อว่า Glazziq พร้อมเปลี่ยนโลโก้ใหม่ให้ดูทันสมัยและอ่านง่ายขึ้น โดยปรับเป็นตัวอักษรเล็กเพราะได้รับฟีดแบ็กจากลูกค้าว่าชื่อดูสะกดยาก ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม และได้เปิดแฟลกชิปสโตร์ครั้งแรกที่เอ็มสเฟียร์ ชั้น 2
“เราพยายามออกแบบร้านให้เปิดโล่ง สามารถเข้าถึงง่าย มีดีไซน์ที่ใช้ไม้ ให้ดูมีความอบอุ่น เย็นตา มีอะลูมิเนียมทำให้ดูเป็นเทคโนโลยี และมีห้องฝนเลนส์สีส้ม ห้องวัดสายตาสีเขียว สื่อถึงความสนุกสนานของร้าน ทั้งหมดนี้ เราอยากให้ลูกค้ามาแล้วสนุกกับการเลือกซื้อแว่น”
โดยชู 4 จุดเด่น เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า ดังนี้
1. เลือกกรอบแว่นได้ง่ายบนเว็บไซต์ตั้งแต่ที่บ้าน ทีม Glassiq ออกแบบเว็บไซต์ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์ ใช้ง่าย พร้อมโชว์แคตตาล็อกกรอบแว่น รายละเอียดของแว่นแต่ละรุ่น ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อแว่นตาได้ง่ายเหมือนเลือกซื้อเสื้อผ้าจากที่บ้าน
2. ฟิลเตอร์กรองหาแว่นพร้อมค้นหา Lookbook สไตล์ที่ใช่ ลูกค้าสามารถทดลองเล่นฟิลเตอร์บนเว็บไซต์เพื่อกรองหาแว่นที่เหมาะกับใบหน้า พร้อมเลือกดู Inspiration Lookbook ที่แมตช์กับตัวเองได้ง่ายๆ
3. เช็กข้อมูลสินค้าได้สะดวกแค่ปลายนิ้วไม่ว่าอยู่ที่ไหน ลูกค้าสามารถเช็ก Product Availability จากเว็บไซต์ได้ ว่ามีสินค้าให้ลองที่หน้าร้านหรือไม่ อยู่โซนใดของร้าน และหากต้องการรู้สตอรี่ของแว่นที่สนใจขณะที่อยู่ในร้าน ทำง่ายเพียงสแกน QR Code ของสินค้านั้นๆ
4. คัดสรรเทคโนโลยีใหม่มอบประสบการณ์เหนือระดับอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Glassiq มีเทคโนโลยีใหม่ เช่น สายพานที่ช่วยส่งแว่นเข้าห้องฝนเลนส์อัตโนมัติได้รวดเร็ว ซึ่งห้องฝนเลนส์เป็นห้องที่เก็บฝุ่น เก็บเสียง เก็บกลิ่น เป็นเครื่องฝนเลนส์ที่มีความแม่นยำ และเครื่องวัดสายตารุ่นล่าสุดที่วัดได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
คุณพิริยะ กล่าวต่อว่า “ในด้านคุณภาพสินค้าทั้งกรอบแว่นและเลนส์ของ Glassiq มั่นใจคุณภาพดีไม่แพ้แบรนด์ และราคาสมเหตุสมผล โดยแว่นตามีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สวย คุณภาพดี ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่เพราะทีมงาน Glassiq นำความต้องการที่ได้จากลูกค้ามาพัฒนาสินค้าและออกแบบเอง
ส่งตรงผลิตกับโรงงานในประเทศเกาหลีใต้ที่เชี่ยวชาญด้านการใช้วัสดุคุณภาพและกระบวนการผลิตแว่นตา ทำให้สามารถตัดระบบพ่อค้าคนกลาง และมอบแว่นตาในราคาที่เข้าถึงง่ายแด่ลูกค้าได้ อีกทั้งยังมีพาร์ตเนอร์โดยตรงกับ Thai Optical Group หนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกเลนส์รายใหญ่ชั้นนำของโลก ทำให้ได้เลนส์สายตาที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม โดยราคาสินค้า กรอบพร้อมเลนส์เริ่มต้นเพียง 1,990 บาท”
ขณะที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านการให้บริการก็สำคัญ โดยลูกค้า Glassiq เมื่อมาเลือกซื้อสินค้าที่ร้าน สามารถนั่งที่ Eyewear Bar ที่สามารถนั่งพูดคุยกับพนักงาน ให้คำแนะนำเรื่องกรอบแว่นและเลนส์หลากหลายแบบ และช่วยเลือกแว่นที่เหมาะกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้
โดยพนักงานทุกคนผ่านการเทรนจาก BVAX Academy (Better Vision Accuracy Expertise Academy) ที่เชี่ยวชาญในการวัดสายตา ตัด ประกอบ และปรับดัดแว่นตา นอกจากนี้ หากเลือกสั่งซื้อกรอบแว่นพร้อมเลนส์ที่หน้าร้านก็สามารถรอรับได้ภายใน 20 นาทีหลังชำระเงิน (ยกเว้นกรณีที่ลูกค้ามีค่าสายตาซับซ้อน)
รวมถึงยังมีการรับประกัน BVAX Warranty เปลี่ยนเลนส์ได้ฟรีภายใน 1 ปีหากใส่ไม่สบาย และบริการหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถเดินเข้า-ออกสัมผัสบรรยากาศร้าน Glassiq ได้อย่างอิสระ เพราะร้านถูกออกแบบเป็นพื้นที่เปิด คนรักแว่นสามารถเดินเลือกชมสินค้าได้อย่างเพลิดเพลิน ไม่กดดัน และดูข้อมูลสินค้าได้อย่างสะดวก
“กลุ่มลูกค้าของเราคือคนรุ่นใหม่ เป็นเฟิร์สจ็อบเบอร์ อายุตั้งแต่ 20-40 ปี ที่อยากซื้อแว่นคุณภาพในราคาไม่แพง แต่พอเรามาเปิดแฟลกชิปสโตร์ที่เอ็มสเฟียร์แล้ว เราได้กลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นมาเกือบครึ่ง เขาประทับใจในบริการที่สามารถตัดแว่นและได้รับภายใน 20 นาที และยิ่งเห็นว่าเป็นแบรนด์ไทย เขายิ่งอยากอุดหนุน
และอีกกลุ่มลูกค้า คือ ที่นี่มีคอนเสิร์ตฮอลล์ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคอนเสิร์ตหรืออีเวนต์ คนจะมาเดิน แต่คงไม่ได้มาบ่อย การที่มีบริการตัดแว่น 20 นาทีก็ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ด้วย
ความตั้งใจของผมกับแฟลกชิปสโตร์แห่งนี้ เราอยากทำให้การตัดแว่นง่ายขึ้น สนุกขึ้น อยากให้ลูกค้าเดินออกไปพร้อมกับความสุขเพราะได้แว่นที่ตัวเองชอบ ใส่แล้วเสริมลุกส์ให้ดูดีมากขึ้น เข้ากับไลฟ์สไตล์มากขึ้น ในอนาคตเราจะขยายสาขาไปที่สีลม และเซ็นทรัล นครสวรรค์ ด้วย และในรายะยาว 3-4 ปี ก็อาจขยายไปต่างประเทศ” คุณพิริยะ กล่าว