ร้อนนี้คึกคัก”เครื่องดื่ม-รถยนต์”โหมเทงบโฆษณาอื้อ

นายภวัต เรืองเดชวรชัย ผู้อำนวยการธุรกิจ-สายงานการวางแผน และกลยุทธ์สื่อโฆษณา บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนส์ จำกัด (MI) ผู้ให้บริการซื้อขายสื่อโฆษณา วางแผนสื่อสารการตลาดในไทย เปิดเผยว่า คาดว่าภาพรวมการใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณาของบริษัทต่างๆ ในปี 2560 น่าจะทรงตัวเท่ากับปี 2559 ซึ่งมีมูลค่า 100,700 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2558 ที่มีมูลค่า 113,500 ล้านบาท เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยเพิ่มเติมที่จะมาดึงอุตสาหกรรมโฆษณาให้เติบโต และคาดว่ากลุ่มสินค้าหลักที่ยังใช้เม็ดเงินโฆษณาในปีนี้จะยังเหมือนปีที่ผ่านมา โดยอันดับหนึ่งยังคงเป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ รองลงมารถยนต์ เครื่องบำรุงผิว กลุ่มสื่อสารอย่างค่ายโทรศัพท์มือถือ และอาหารอย่างนม โยเกิร์ต

“แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาทั้งปีนี้จะทรงตัว แต่มองว่าในช่วงฤดูร้อนนี้จะมีการใช้จ่ายเม็ดเงินคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา และใช้จ่ายเร็วกว่าปกติ เฉพาะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีการใช้จ่ายสำหรับโฆษณาเพิ่มขึ้นแตะ 10,000 ล้านบาท เมื่อเทียบเดือนกุมภาพันธ์ในปีที่ผ่านๆ มาเฉลี่ยอยู่ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท ทำให้ช่วงฤดูร้อนปีนี้ (กุมภาพันธ์-พฤษภาคม) จะมีเม็ดเงินถึง 43,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของงบโฆษณาทั้งปี นับว่าเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท เพราะหลายบริษัท โดยเฉพาะเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เร่งทำการตลาดและโฆษณาให้เข้าถึงผู้บริโภคเร็วกว่าคู่แข่ง และมีบางบริษัทที่ไม่ได้ใช้เงินโฆษณาในช่วงปลายปีแล้ว มาเร่งใช้ช่วงนี้”นายภวัต กล่าวและว่า ปกติเฉพาะเดือนเดียวในช่วงหน้าร้อนจะมีเงินโฆษณาสูงถึง 11,000 ล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนเงินโฆษณากระจายไปยังช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 30% ซึ่งเป็นเฟซบุ๊ค ยูทูบ และไลน์เป็นหลัก ส่วนออฟไลน์อยู่ที่ 70%

นายภวัต กล่าวอีกว่า ปัจจุบันภาวะที่สื่อกระแสหลัก เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เข้าถึงผู้บริโภคได้ในวงกว้าง หรือเรียกว่า Mass Media กำลังจะหมดไป จะถูกเปลี่ยนหน้าที่เป็นสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม กลุ่มย่อย หรือ Segmented media ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีทั้งขนาดใหญ่และย่อม ภาวะนี้เป็นเพราะผู้บริโภคเข้าถึงสื่อได้หลากหลายช่องทาง มีช่องทางออนไลน์ให้ติดตามหากพลาดสื่อหลัก และในส่วนสื่อออนไลน์เองก็มีแยกเป็นกลุ่มอีกมากตามความสนใจ เพศ อายุ จึงทำให้ความเป็นกลุ่มใหญ่ที่ต้องรอดูโทรทัศน์เพียงอย่างเดียวหายไป ส่งผลให้การวางแผนทำสื่อโฆษณาทำได้ยากขึ้น เพราะต้องวิจัยและศึกษาข้อมูลผู้บริโภคเชิงลึกมากขึ้น ให้เข้าถึงได้ตรงกลุ่มเป้าหมายซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มย่อยมากขึ้น

 

ที่มา มติชนออนไลน์