เผยแพร่ |
---|
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 นายบุญทา ชัยเลิศ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ กล่าวกรณีผู้ประกอบการจีนลงทุนธุรกิจท่องเที่ยวในภาคเหนือ ผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ หรือออนไลน์ ว่า เคยได้พูดคุยกับนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ถึงความห่วงใยและกังวลของผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่ไม่ได้รับประ
โยชน์จากการท่องเที่ยว หลังธุรกิจจีนได้ระบบดังกล่าว เข้ามาทำตลาดและนำเงินกลับประเทศ โดยเฉพาะบริษัททัวร์ ซึ่งนายสมชัย ระบุว่าหากเป็นธุรกิจถูกกฏหมาย ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แม้เป็นธุรกิจข้ามชาติ ก็ต้องปฏิบัติตามกฏหมายไทย
“ส่วนตัวมองว่า หากไม่มีมาตรการควบคุมจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจท้องถิ่นมาก เพราะธุรกิจจีนที่ตั้งอยู่ในเชียงใหม่ หรือภาคเหนือ นำสินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากจีน มาประทับตราเป็นสินค้าไทย แล้วขายกลับนักท่องเที่ยวจีนเอง อาทิ เสื้อผ้า อาหารแปรรูป สมุนไพร ของที่ระลึก เครื่องประดับ โดยโอนเงินผ่านระบบอาลีบาบา ไทยแลนด์ ทำให้เงินรั่วไหลออกนอกประเทศโดยรัฐบาลได้แค่ภาษีจากผู้ประกอบการจีนเท่านั้น ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายต้นทุนต่ำกว่าสินค้าของไทย ทำให้ขายราคาถูกได้ ในระยะยาว เชื่อว่าส่งผลกระทบต่อสินค้าหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น” นายบุญทา กล่าว
ด้านนางกรกช โขนงนุช นายกสมาคมมัคคุเทศก์ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่าภาพรวม มีนักท่องเที่ยวจีน เข้ามาในประเทศ กว่า 10 ล้านคน/ปี เฉพาะภาคเหนือ เฉลี่ย 1 ล้านคน ทำให้นักธุรกิจจีน สร้างระบบ อีเพย์ ที่เรียกว่า “วีแชทเพย์” เพื่อเป็นช่องทางชำระค่าสินค้าและบริการซึ่งเป็นธุรกรรมการเงิน ที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องใช้เงินสด ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นภาษาจีน ทำให้นักท่องเที่ยว นิยมใช้กันมาก โดยไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก ล่าสุด มีระบบ “ไพร์ตู้” ที่เป็นช่องทางธุรกรรมการเงินอีกช่างทางหนึ่ง จึงเป็นทางเลือกนักท่องเที่ยวจีน ที่ไม่ต้องใช้เงินสด หรือโอนเงินผ่านสถาบันการเงินไทย เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมโอน หากโอนผ่านสถาบันการเงินไทย ต้องเสียค่าบริการ 35 บาท/ครั้ง
“แนวโน้มธุรกิจจีนที่ประกอบการในภาคเหนือ ที่เป็นการค้า ลงทุน ท่องเที่ยว ชำระค่าสินค้าและบริการ ทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบ “วีแชทเพย์” และ “ไพร์ตู้” ที่เป็นภาษาจีนมากขึ้นเนื่องจากถูกออกแบบใช้งานสะดวก เหมาะสมกับตลาด สนองความต้องการลูกค้า หรือผู้บริโภค เพียงใช้สมาร์ทโฟน หรือมือถือ โอนเงินเเข้าบัญชีเท่านั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวจีน จับจ่ายใช้สอยมากกว่าชาวยุโรป อเมริกา คาดว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบดังกล่าว ปีละ 10,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ดังนั้นผู้ประกอบการภาคเหนือ หรือนักธุรกิจท้องถิ่น ต้องปรับตัว พัฒนาเทคโนโลยีสื่อสาร และช่องทางธุรกรรมการเงินที่สะดวก รวดเร็ว เพื่อแข่งขันกับนักธุรกิจจึน รวมทั้งรัฐบาล ต้องส่งเสริมและสนับสนุนการแข่งขันการค้า ลงทุน ท่องเที่ยวในตลาดโลกแม้ว่ามีนโยบายให้ประเทศเป็นไทยแลนด์ 4.0 แต่การขับเคลื่อนยังเป็นไทยแลนด์ 2.0 เท่านั้น” นางกรกช กล่าว
ปีนี้สถานการณ์และแนวโน้มท่องเที่ยวภาคเหนือ ของนักท่องเที่ยวจีน คาดว่าเดินทางมาท่องเที่ยวกว่า 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่มีแนวโน้มว่าคนหนุ่มสาว เดินทางมาเองเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของมัคคุเทศก์ ยกเว้นไกด์ทัวร์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ สุขภาพ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน ยังเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวอยู่