เปิดลิสต์ 3 เทรนด์ตลาดจรัสแสง ครึ่งหลังปี 66 มุสลิม-อาหารฮาลาล-ทริปเปิลเอส บิ๊กมาร์เก็ต ที่ ผปก. ต้องเกาะติด 

เปิดลิสต์ 3 เทรนด์ตลาดจรัสแสง ครึ่งหลังปี 66 มุสลิม-อาหารฮาลาล-ทริปเปิลเอส บิ๊กมาร์เก็ต ที่ ผปก. ต้องเกาะติด 
เปิดลิสต์ 3 เทรนด์ตลาดจรัสแสง ครึ่งหลังปี 66 มุสลิม-อาหารฮาลาล-ทริปเปิลเอส บิ๊กมาร์เก็ต ที่ ผปก. ต้องเกาะติด 

เปิดลิสต์ 3 เทรนด์ตลาดจรัสแสง ครึ่งหลังปี 66 มุสลิม-อาหารฮาลาล-ทริปเปิลเอส บิ๊กมาร์เก็ตที่ ผปก. ต้องเกาะติด 

ดร.ตรียุทธ พรหมศิริ หัวหน้าสาขาภาวะผู้ประกอบการและนวัตกรรม วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่เกิดขึ้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่ในประเทศไทยอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยในอดีตการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจโลกมีระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงถึง 50 ปี

แต่จากหลากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น อาทิ การปฏิวัติอุตสาหกรรม หรือแม้แต่สงครามโลก ทำให้ระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกลดลงมาเหลือเพียง 10 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วพอสมควร

จากปรากฏการณ์ที่ผันแปรรวดเร็วนี้ ทำให้บรรดาผู้ประกอบการยึดโยงตัวเองกับตลาดกลุ่มเก่าไม่ได้อีกต่อไป ต้องหันมาวิเคราะห์ความน่าจะเป็นในการเจาะตลาดใหม่ๆ เพื่อให้ก้าวทันเทรนด์ธุรกิจใหม่ในโลกอนาคต รวมถึงเข้าใจการเกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และลักษณะทางประชากรที่เปลี่ยนไปด้วย

โดยข้อมูลจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เผย 3 เทรนด์ตลาดที่น่าจับตามองครึ่งหลังปี 2566 มีดังนี้

1. ตลาดมุสลิม มีแนวโน้มเป็นตลาดแห่งอนาคตขนาดใหญ่ เนื่องจากปัจจุบันตลาดมุสลิมมีอัตราส่วนมากถึง 1 ใน 4 ของประชากรโลก มีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และที่สำคัญ มีศักยภาพกำลังซื้อที่สูงมาก

2. ตลาดอาหารฮาลาล มีมูลค่าสูงถึง 2.6 ล้านล้านเหรียญ หรือใหญ่เป็น 15 เท่าของ GDP ประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าอาหารกระป๋องกับฟรีซดรายที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากไม่เสียง่ายจากสภาพอากาศ

3. ตลาดทริปเปิลเอส (Triple S) ประกอบด้วย 3S เริ่มที่ เศรษฐกิจยั่งยืน ที่เติบโตมากถึง 3.5 ล้านล้านเหรียญ เห็นได้จากกระแสตลาด BCG ที่เติบโตถึง 21% ต่อปี เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์สินค้าที่ย่อยสลายได้ ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องใส่ใจสินค้าและบริการที่มีความเกี่ยวเนื่องกับความยั่งยืนให้มากขึ้นเรื่อยๆ สังคมผู้สูงอายุ ด้วยประชากรอายุ 50 ปีขึ้นไปจะมีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เทรนด์อาหารฟังก์ชัน ที่จะมีการนำนวัตกรรมมาช่วยเสริมสร้างคุณประโยชน์ในสารอาหารได้รับความนิยมสูงขึ้นในอนาคต

และสังคมสาวโสด เนื่องด้วยสังคมปัจจุบันผู้หญิงใช้ชีวิตโสดมากขึ้น และหาความสุขจากการซื้อของ โดยเฉพาะของสวยงาม ทำให้ตลาดสินค้าฟุ่มเฟือย หรือ Luxury Goods มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นต่อเนื่องตามกำลังซื้อของสาวโสดในยุคนี้

ดร.ตรียุทธ กล่าวต่อว่า นอกจากการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดเทรนด์การทำธุรกิจใหม่ๆ ตลอดเวลาแล้ว ธุรกิจกลุ่ม SMEs ไทย เองก็ต้องมีการวางโรดแมปของธุรกิจให้ชัดเจนเช่นกัน พร้อมกับเปลี่ยนวิธีการคิดให้กลายเป็นนักธุรกิจไทยในฐานะ ผู้ส่งออกสินค้าระดับ MVP ที่ก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจในต่างประเทศที่ไม่ใช่เพียงจำกัดการส่งออกภายในประเทศเท่านั้น

ถึงแม้ปัจจุบันมีอุปสรรคด้านประชากรไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงถึง 90% ส่งผลให้ตลาดในประเทศมีศักยภาพไม่มากพอในการเดินหน้าธุรกิจ แต่หากรู้กลยุทธ์ที่ทำให้สินค้าและการบริการถูกส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มช่องทางสร้างรายรับเข้ามาในธุรกิจได้ ซึ่งหากพิจารณามุมของรายได้สุทธิ จะพบว่า รายได้จากการส่งออกตลาดต่างประเทศ เติบโตกว่าตลาดในประเทศถึง 4 เท่า ฉะนั้น การวางเป้าหมายของการเป็นผู้ส่งออกจึงสำคัญไม่น้อย

“การเติมเต็มผู้ประกอบการให้มีความเข้าใจโลกการทำธุรกิจให้มากขึ้น กระตุ้นให้สร้างโรดแมปที่เป็นรูปธรรม พร้อมทั้งหล่อหลอมให้กลายเป็น นักสร้างธุรกิจ หรือ Business Creator มืออาชีพระดับ MVP เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของ CMMU

โดยดำเนินงานผ่านหลักสูตรภาวะผู้ประกอบการและนวัตกรรม วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีทั้งภาวะผู้ประกอบการ และสามารถสร้างนวัตกรรมได้ ทำให้ผู้ประกอบการ ผู้ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจรวมถึงธุรกิจกลุ่ม SMEs สามารถออกแบบธุรกิจ จุดประกายความคิดต่างที่สดใหม่ และสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ดี

ซึ่งเมื่อจบหลักสูตรผู้เรียนจะได้แผนการดำเนินธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจของตนเองได้ โดยหลักสูตรเปิดให้เรียนวันเสาร์และอาทิตย์ รวมถึงยังมีพาร์ตเนอร์อย่าง EXIM BANK ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ไม่ยากมาเสริมกำลังด้วย” ดร.ตรียุทธ กล่าวสรุป

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจจะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท หลักสูตรไทยและหลักสูตรนานาชาติ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) โทรศัพท์ 02-206-2000 หรือเพจเฟซบุ๊ก CMMU Mahidol (https://www.facebook.com/CMMUMAHIDOL)