มูลนิธิเอสซีจีตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาคนโดยมุ่งเน้นที่เด็กและเยาวชน หนึ่งในพันธกิจของมูลนิธิฯคือการส่งเสริมให้เยาวชนเลือกเรียนในสิ่งที่ตนสนใจและมีความถนัด รวมถึงสร้างคนที่มีความรู้และทักษะฝีมือที่เหมาะกับงาน มูลนิธิฯ จึงได้ดำเนินโครงการอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ นับตั้งแต่ปี 2556 โดยส่งเสริมให้น้อง ๆ ที่เรียนจบ ม.3 ได้พิจารณาเส้นทางสายอาชีวะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการศึกษาต่อ โดยสนับสนุนทุนการศึกษาในสาขาช่างอุตสาหกรรม และสาขาบริการ อีกทั้งยังได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียนทุนฯ อย่างต่อเนื่อง

เนื่องในช่วงเดือนเทศกาลแห่งความรัก มูลนิธิฯ ได้จัดกิจกรรมสาธิตการทำอาหาร “มอบความรัก ด้วยเมนู Love สไตล์อาชีวะฝีมือชน” เพื่อเปิดพื้นที่ให้เหล่าอาชีวะฝีมือชน ที่กำลังศึกษาอยู่ในสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ สาขา  คหกรรมศาสตร์ ได้แสดงฝีมือการทำขนม โดยมีตัวแทนนักเรียนจาก วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา และ วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี ร่วมกิจกรรมกับ 2 รุ่นพี่อาชีวะฝีมือชนคนต้นแบบ ได้แก่  เชฟแอน – ภาวิตา แซ่เจ้า เชฟหญิงชื่อดัง ผู้มีประสบการณ์ในการทำอาหารทั้งในและต่างประเทศ และ ครูอีน – ปัณณวิชญ์ หมาดหนุด ครูสอนทำอาหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านขนมไทย มาเป็นวิทยากรและร่วมรังสรรค์เมนู Love รับเทศกาลแห่งความรัก ด้วยช็อคโกแลตทรัฟเฟิล  และ อาลัวดอกกุหลาบ พร้อมแชร์ประสบการณ์เส้นทางอาชีวะฝีมือชน ที่เป็นบันไดส่งให้พวกเขามีอาชีพที่มั่นคงจนวันนี้ โดยมีนักแสดงและพิธีกรชื่อดัง เดี่ยว – สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล เป็นพิธีกรดำเนินรายการ พร้อมด้วยสื่อมวลชนร่วมปรุงและชิมเมนู Love เป็นจำนวนมาก

สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า การจัดกิจกรรม “มอบความรัก ด้วยเมนู Love สไตล์อาชีวะฝีมือชน”  เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมภายใต้โครงการอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ ที่มูลนิธิฯ มุ่งมั่นสื่อสารให้สังคมได้เห็นถึงฝีมือและทักษะความชำนาญของน้อง ๆ ที่กำลังศึกษาในสาขาบริการ ซึ่งเป็นสาขาที่มีความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศเป็นอย่างมาก ประกอบกับจำนวนความต้องการบุคลากรในสายนี้มีตัวเลขสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี

“เมื่อพูดถึงการเรียนอาชีวะหลายคนอาจนึกถึงการเรียนในสาขาช่างอย่างเดียว หากแต่จริง ๆ แล้ว อาชีวะมีหลักสูตรให้เลือกหลากหลาย สามารถเลือกเรียนได้ตามความชอบความถนัด ซึ่งสาขาบริการก็นับเป็นอีกหนึ่งในการเรียนสายอาชีวะที่มีความน่าสนใจ เรามองว่าเยาวชนเหล่านี้คือนักคิดและนักปฏิบัติ ที่ล้วนแต่มีศักยภาพ มีทักษะฝีมือที่

หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร  การจัดดอกไม้ งานแกะสลัก เป็นต้น ซึ่งความรู้ความสามารถเหล่านี้ สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่น้อง ๆ ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ เรียกได้ว่าดูแลตัวเองได้ ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ ที่สำคัญคือ
การได้ลงมือทำจริงตั้งแต่ยังเรียน เป็นเส้นทางลัดที่สายอาชีพมอบให้ระหว่างทางโดยไม่ต้องรอให้เรียนจบ” กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าว

ด้าน เชฟแอน ภาวิตา แซ่เจ้า เชฟผู้เลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองถนัดในสาขาอาหารและโภชนาการ จนประสบความสำเร็จ มีโอกาสได้ทำงานในร้านอาหารดังระดับโลก เผยว่า การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น นอกจากจะมีฝีมือในการปรุงอาหารแล้ว ต้องมีไอเดียในการสร้างสรรค์เมนู จัดหาและเลือกสรรวัตถุดิบและเครื่องปรุงใหม่ ๆ  ไม่เพียงเท่านี้ ความคิดสร้างสรรค์ วิธีการปรุง การจัดแต่งยังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญไม่แพ้กัน  ทั้งหมดนี้ล้วนมีพื้นฐานมาจากการเรียนอาชีวะทั้งสิ้น

“การที่ได้เริ่มต้นเรียนรู้และปฏิบัติยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เกิดทักษะและความชำนาญเร็วขึ้นเท่านั้น การเรียนในสายอาชีวะจึงเป็นรากฐานที่ตอบโจทย์ในการสานฝันเพื่อก้าวสู่การเป็นเชฟได้เป็นอย่างดี สิ่งสำคัญที่อยากแนะนำน้อง ๆ คือน้องต้องรู้ว่าตัวเองชอบและถนัดอะไร และกล้าที่จะเรียนรู้ ลงมือปฏิบัติ และไม่หยุดฝึกฝนพัฒนาฝีมือ” เชฟแอน กล่าว

เช่นเดียวกับ ครูอีน ปัณณวิชญ์ หมาดหนุด ครูสอนทำอาหารที่เชี่ยวชาญด้านขนมไทย ก็ได้เลือกเรียนในสาขาที่ตัวเองรัก คือสาขาอาหารและโภชนาการ ส่งผลให้เขาเติบโตในเส้นทางสายอาชีพโดยเป็นครูสอนทำอาหารตั้งแต่อายุยังน้อย ครูอีนแนะนำว่า การเรียนอาชีวะสาขาบริการ สามารถประกอบอาชีพได้หลากหลาย นอกจากจะเป็นเชฟ  เป็นนักโภชนาการ ทำงานโรงแรม เปิดกิจการของตัวเอง ก็ยังสามารถรับราชการ หรือเป็นครูสอนทำอาหารก็ได้

“เมื่อได้เรียนรู้และลงมือทำ  ฝึกปรือจนมีความรู้ความสามารถ มีทักษะติดตัวแล้ว เมื่อเรียนจบก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจะตกงาน เพราะงานในสาขาบริการ มีอาชีพรองรับมากมาย มีพื้นที่ มีช่องทางให้เติบโตก้าวหน้าในสายงานค่อนข้างมาก นอกจากทำงานในประเทศแล้ว ก็ยังสามารถโยกย้ายไปทำงานต่างประเทศได้อีกด้วยครับ” ครูอีน กล่าว

ส่วน วรรัตน์ อ่ำไพบูลย์ หรือ น้องก้อย นักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ ทีกำลังศึกษาในระดับชั้น ปวช. 2              สาขาอาหารและโภชนาการ จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี ได้เผยถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาร่วมกิจกรรมคุกกิ้งคลาส “มอบความรัก ด้วยเมนู Love สไตล์อาชีวะฝีมือชน” นอกจากจะได้ทำอะไรสนุก ๆ และได้ความรู้แล้ว ยังได้สัมผัสและได้รับแรงบันดาลใจจากพี่ ๆ อาชีวะฝีมือชนคนต้นแบบอีกด้วย

“คิดไม่ผิดที่เลือกเรียนอาชีวะ และอยากขอบคุณมูลนิธิเอสซีจีที่เห็นความสำคัญของสายอาชีวะ เพราะเส้นทางสายนี้ทำให้หนูได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริง ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารนานาชาติ ทำขนมไทย หรือการตกแต่งหน้าเค้ก ที่ต้องอาศัยความประณีต ต้องมีสมาธิ หากพลาดก็ต้องเริ่มทำใหม่ตั้งแต่ต้น  ทุกเรื่องที่ได้ปฏิบัติจึงมีความท้าทาย มีเรื่องใหม่ ๆ ให้ได้เรียนรู้ตลอดเวลา ทำให้หนูสนุกกับการเรียน และอยากฝึกฝนพัฒนาฝีมือให้เชี่ยวชาญยิ่งขึ้นไป เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน  เป็นคนที่หน่วยงานต่าง ๆ ต้องการให้ไปทำงานด้วย เป็นคนที่สังคมยอมรับ ดูแลตัวเองและพ่อแม่ได้ และในวันข้างหน้าหนูก็อยากเป็นอาชีวะฝีมือชนคนต้นแบบอย่างพี่ ๆ ทั้งสองในวันนี้ค่ะ” น้องก้อย กล่าว

สำหรับน้องๆ ที่สนใจสมัครขอรับทุน ‘อาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ’ โดยมูลนิธิเอสซีจี สามารถเข้าไปดูกติกาเงื่อนไขการสมัคร พร้อมดาวน์โหลดใบสมัครที่ www.scgfoundation.org/อาชีวะฝีมือชนคนสร้างชาติ สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 มิถุนายน 2560 หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร 02 586 1475, 02 586 5506