อนันดาฯ ทุบสถิติใหม่!! โตก้าวกระโดด รุกหนักปี 60 ลุยเปิด 17 โครงการใหม่

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า โชว์ศักยภาพเติบโตแบบก้าวกระโดด พร้อมประกาศมียอดโอนเพิ่มสูงขึ้นถึง 65% ด้วยยอดกว่า 15,866 ล้านบาท  โดยปี 2559 เป็นปีที่มียอดโอนสูงสุด ส่งผลให้กำไรสุทธิสูงสุดถึง  1,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน นอกจากนี้บริษัทมียอดขายที่ 25,175 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมาย 21% พร้อมประกาศแผนธุรกิจปี 2560 เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 17 โครงการ มูลค่ากว่า41,841 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตขึ้น 102% ต่อปี พร้อมมียอดโอนที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น 58% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “ระยะเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน” โดยบริษัทฯ คาดหวังว่ายอดโอนจะเติบโต จาก 9,598 ล้านบาท ในปี 2558 เป็น 42,351 ล้านบาท ในปี 2561

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ ประสบความสำเร็จสูงเกินคาดจากแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้ โดยมียอดโอนในไตรมาส 4 เกินกว่า 10% จากเป้าหมายที่ระดับ 7,491 ล้านบาท  ซึ่งรวมยอดโอนจากโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้นถึง 67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 185% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ยอดโอนเป็นสถิติสูงสุดที่ระดับ 15,866 ล้านบาท นอกจากนี้อนันดาฯ สามารถสร้างผลกำไรสุทธิเป็นสถิติสูงสุดที่1,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% ปีต่อปี โดยมีอัตรากำไรสุทธิของบริษัทที่ระดับ 12% ปรับตัวดีขึ้นจาก 11% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในไตรมาส 4 บริษัทฯ ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 3 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 11,200 ล้านบาท ประกอบด้วย ไอดีโอ สุขุมวิท 93 มูลค่าโครงการ 6,200 ล้านบาท เป็นคอนโดติดรถไฟฟ้าสถานีบางจาก ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 66  มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท ติดรถไฟฟ้าสถานีอุดมสุข  และ  ไอดีโอ พหลโยธิน-จตุจักร มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ติดรถไฟฟ้าสถานีสะพานควาย ซึ่งทั้ง 3 โครงการ ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย โดย ไอดีโอ สุขุมวิท 93 มียอดขาย 74.5% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด  สำหรับ ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท  66  มียอดขาย 38.3% และไอดีโอ พหลโยธิน-จตุจักร มียอดขาย 40.2%

ในปี 2559 บริษัท ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 20,693 ล้านบาท ได้ตามเป้ามาย ในไตรมาส 4 บริษัทสามารถสร้างยอดขายจากโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้า จำนวน 10,013 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายถึง 45% และมียอดขายต่อไตรมาสสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ ขณะที่ยอดขายประจำปี อยู่ที่ระดับ 25,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากเป้าหมาย

ณ สิ้นปี 2559 บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 41,249 ล้านบาท รองรับการโอนใน 3 ปีข้างหน้า และเพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านี้

สำหรับยอดขาย (presales) ยังคงประสบความสำเร็จกว่าที่คาดไว้ โดยโครงการใหม่ได้รับการตอบรับอย่างดี และคาดหวังว่าจะยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 45% เกินกว่าเป้ายอดขายในไตรมาส 4 จากทั้ง 3 โครงการใหม่ที่เปิดตัวในไตรมาสนี้

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงรักษาวินัยทางการเงิน และประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจให้เติบโต พร้อมดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิซึ่งหักด้วยเงินสดต่อส่วนทุนอยู่ที่0.77 :1 เท่านั้น ” นายชานนท์ กล่าว

นาง มัณทนา เอื้อกิจขจร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)     กล่าวว่า “ยอดโอนของบริษัทฯ ที่ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการ ไอดีโอ คิว จุฬา-สามย่าน ที่เพิ่งสร้างเสร็จและมีการโอนที่รวดเร็วเกินกว่าที่คาดหมายไว้เป็นอย่างมาก ทำให้ส่วนแบ่งกำไรและขาดทุนจากโครงการร่วมทุนของเรากลายเป็นบวกเป็นครั้งแรก โดยมีกำไรเท่ากับ 115 ล้านบาท  เมื่อเปรียบเทียบกับขาดทุน 477 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้กระแสเงินสดของบริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดขนาดใหญ่ที่มีมากกว่า 2,000 ล้านบาท  บริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการเงินสดของบริษัทฯตลอดทั้งปี ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์    ทั้งนี้ในเดือนตุลาคมปี 2559 บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ 3 รุ่น มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ระยะเวลา 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี  โดยหุ้นกู้ล่าสุด 3 รุ่น ได้รวมต้นทุนหุ้นกู้เป็นสถิติต่ำสุดของหุ้นกู้ระยะเวลา 1 ปี เพียง 3.05%.” นางมัณทนา กล่าว

บริษัทฯ ได้เช่าที่ดินบนถนนรัชดาภิเษก (ใจกลางเขตธุรกิจใหม่) ขนาด 3 ไร่ 1 งาน 67 ตร.ว. โดยได้วางแผนที่จะพัฒนาโครงการเซอร์วิส อพาร์ตเม้นท์ มีระยะเวลาในการดำเนินงานอย่างเป็นทางการซึ่งจะเริ่มต้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 แผนงานนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทที่จะกระจายแหล่งรายได้ และเพิ่มสัดส่วนที่มาของรายได้ที่มีความสม่ำเสมอของบริษัท

นอกจากนี้ อนันดาฯ มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยในปี 2559 ได้วางกลยุทธ์ใหม่เพื่อวางรากฐาน พร้อมประกาศตัวเป็น บริษัท Urban Tech ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร อย่าง  Digital Ventures Incubator และการจัดกิจกรรมกับ Hackathon และ Hubba ตลอดจนการเป็นเจ้าภาพเปิดตัวของสายการเงิน ได้แก่ Line Finance  กิจกรรมเหล่านี้จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในปี 2560 นี้

ในปี 2559 บริษัทฯ ได้ย้ายเข้าสำนักงานแห่งใหม่มาอยู่ที่อาคาร FYI Center บนถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นสำนักงานที่รวมการออกแบบนวัตกรรมชั้นนำของโลกเอาไว้ เพื่อให้มีสภาพแวดล้อมของการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับพนักงานของอนันดา  นอกจากนี้ บริษัท ฯ ได้ร่วมมือกับซัมซุง, ซิสโก้และฟูจิสึ เพื่อสร้างสำนักงานที่ชาญฉลาดที่สุดในเอเชีย โดยนำเทคโนโลยีหลายอย่างมาใช้เป็นครั้งแรกในเอเชีย  เช่น การพิมพ์ระบบ Cloud ของ Samsung’s smart และ Cisco’s SmartSpace  เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนเพื่ออำนวยความสะดวกของพนักงาน อันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการเติบโตของรายได้โดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนพนักงาน

สำหรับแผนดำเนินงานในปี 2560 บริษัทฯ  เตรียมรุกตลาดอย่างหนัก โดยมีแผนในการเปิดตัวโครงการใหม่เป็น 41,800 ล้านบาท โตสองเท่าจากปีก่อน ซึ่งในปีนี้การเปิดตัวใหม่ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม  12 โครงการ มูลค่า 36,400 ล้านบาท และ โครงการแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 5,400 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 17 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 41,800 ล้านบาท โดยมีเป้ายอดขาย (presales)  30,400 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% สอดคล้องกับโครงการที่เปิดใหม่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ และยังคงอยู่ในช่วงที่เรียกว่า “ระยะเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน” ซึ่งจะเห็นได้จากยอดโอนที่เติบโตขึ้นสามเท่าตัว ระหว่างปี 2558 จนถึง 2561 รวมการเติบโต 58% จากปี 2559 สำหรับการโอนในปี 2560 อยู่ที่ 25,000 ล้านบาท  ซึ่งมียอดขายรอรับรู้รายได้ หรือแบ็คล็อคที่จะโอนในปี 2560 มูลค่า 16,500 ล้านบาท คิดเป็น 66% ของเป้าหมายยอดโอน ซึ่งรวมส่วนแบ่งยอดโอนของ อนันดา และมิตซุย ฟูโดซัง โดยมาจากคอนโดมิเนียม 10 โครงการที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนในปี 2560 โดยเปรียบเทียบกับคอนโดมิเนียมใหม่  5 โครงการที่แล้วเสร็จในปี 2559

ในปี 2560 บริษัทฯ มีการเพิ่มงบประมาณในการซื้อที่ดินเป็นเงิน 13,500 ล้านบาท จากเดิมที่ปี 2559 เป็นเงิน 7,252 ล้าน หรือเกือบสองเท่า เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต บริษัทฯ มีความยินดีที่ยังคงบรรลุผลสำเร็จอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4 และปี 2559 พร้อมจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2560

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทจะส่งเรื่องเพื่อขออนุมัตินำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาการเพิ่มเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น จาก 12.5 สตางค์ เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนหน้านี้ โดยเป็นการเพิ่มเงินปันผลขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่มีการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัท นอกจากนี้บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากในความมุ่งมั่นต่อการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่สุดและโปร่งใสให้แก่นักลงทุนโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้มอบรางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยมให้แก่บริษัทประจำปี 2559

 

ที่มา มติชนออนไลน์